“ซีอีโอ” กลุ่มแม่ทองสุก ประเมินราคาทองปลายปีนี้อยู่ระดับ 17,400 บาท พร้อมคาดปีหน้าทองโลกในกรอบต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชี้ ปัจจัยกดดันหลักยังคงมาจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตรา ดบ. ของสหรัฐฯ ส่วนการประกาศใช้มาตรการ QE ของญี่ปุ่น และยุโรป มองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำ แต่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศตลาดหุ้นมากกว่า
นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท แม่ทองสุก (MTS) เปิดเผยว่า ราคาทองคำช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีทิศทางเป็นขาลง โดยราคามีโอกาสปรับตัวลดลงแตะระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนทองในประเทศต่ำสุดที่ 17,400 บาท โดยปัจจัยกดดันสำคัญมาจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยุติมาตรการ QE และตลาดคาดว่าคงมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีถึงปลายปีหน้า ส่งผลให้เม็ดเงินนักลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรแทน
ทั้งนี้ประเมินทิศทางราคาทองคำยังคงมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องในปีหน้า ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองโลกอยู่ในช่วง 1,000-1,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งปัจจัยกดดันหลักยังคงมาจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่วนการประกาศใช้มาตรการ QE ของญี่ปุ่น และยุโรป มองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำ แต่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศตลาดหุ้นมากกว่า
“ทองในช่วง 2 ไตรมาสนี้มีแรงซื้อตกลงไปถึง 20% โดยราคาทองในปีหน้ายังมีแนวโน้มร่วงต่อ แต่คงค่อยๆ แกว่งตัวลง ซึ่งจุดต่ำสุดของราคาทองโลกคือ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ด้านทองในประเทศ 16,800-16,500 บาท ถือว่าเป็นช่วง On Sale ของทองรูปพรรณในรอบ 3 ปี” นพ.กฤชรัตน์ กล่าว
ด้านกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้แนะนำสำหรับคนที่ติดทองคำในระดับ 27,000 บาท แนะนำ 2 วิธี คือ ถือต่อเพื่อรอราคาทองคำขึ้น หรือเลือกที่จะทำกำไรเมื่อทองรีบาวนด์แล้วรอซื้อทองคำในราคาทองถูก นอกจากนี้ยังมีตลาด Gold Futures สำหรับการเก็งกำไรฝั่งขายในช่วงราคาทองคำลงอีกด้วย