เอ็ม พิคเจอร์สฯ ไตรมาส 3 ปีนี้ขาดทุนลดเหลือ 79 ล้านบาท หรือลดลงเกือบ 43% ผลดีจากค่าใช้จ่ายในการบริหารต่ำ ขณะรายได้เพิ่ม
น.ส.ฐิตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์ กรรมการบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 79.47 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 138.61 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 59.14 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 42.66% ผลดีจากค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง
โดยไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 170.41 ล้านบาท เป็น 211.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.19 ล้านบาท คิดเป็น 24.17% สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการผลิต และจำหน่ายภาพยนตร์
ขณะที่ต้นทุนผลิต และบริการของกลุ่มบริษัทในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจาก 124.62 ล้านบาท เป็น 145.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.78 ล้านบาท คิดเป็น 16.67% ผลจากกลุ่มบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและบริการเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง เพราะการลดลงของค่าใช้จ่ายในการบริหาร ซึ่งประกอบด้วย การลดลงของสำรองค่าเผื่อการด้วยค่าความนิยมในบริษัทย่อย 120.40 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลูกหนี้การค้า 52.98 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขาย เพราะมีภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น
น.ส.ฐิตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์ กรรมการบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 79.47 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 138.61 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 59.14 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 42.66% ผลดีจากค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง
โดยไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 170.41 ล้านบาท เป็น 211.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.19 ล้านบาท คิดเป็น 24.17% สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการผลิต และจำหน่ายภาพยนตร์
ขณะที่ต้นทุนผลิต และบริการของกลุ่มบริษัทในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจาก 124.62 ล้านบาท เป็น 145.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.78 ล้านบาท คิดเป็น 16.67% ผลจากกลุ่มบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและบริการเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง เพราะการลดลงของค่าใช้จ่ายในการบริหาร ซึ่งประกอบด้วย การลดลงของสำรองค่าเผื่อการด้วยค่าความนิยมในบริษัทย่อย 120.40 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลูกหนี้การค้า 52.98 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขาย เพราะมีภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น
