xs
xsm
sm
md
lg

“เกศรา” เผยหุ้น IPO เข้าแถวรอเทรด ดันมาร์เกตแคปพุ่งเกิน 2 แสนล้านบาท ภายใน 2 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.
ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยคาดในระยะ 2 ปีนี้ Market Cap จะพุ่งแตะเกินกว่า 2 แสนล้านบาท เหตุอานิสงส์หุ้น IPO ช่วยหนุน เผยมีบริษัทจดทะเบียนแปรรูปใหม่เข้าแถวจ่อเข้าตลาดอีกมาก พร้อมวางแผนส่งเสริมการลงทุนระยะยาว คาดตลาดจะกลับมาคึกคักซื้อขายขั้นต่ำต่อวันเฉลี่ยกว่า 50,000 ล้านบาท

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทที่แปรรูปจดทะเบียนเป็นมหาชน เตรียมที่จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งที่ผ่านเกณฑ์ไฟลิ่งของ ก.ล.ต. แล้ว และที่อยู่ในกระบวนการเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนใหม่ทยอยเข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Cap ของตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2 ปี ให้ปรับตัวสูงขึ้นโดยมีมูลค่าเกินกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งสะท้อนภาพรวมบรรยากาศการลงทุน และดัชนีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลต่อความมั่นใจนักลงทุนดีขึ้นตามลำดับ  

“ผู้ประกอบการต้องการเงินทุนเพื่อไปขยายธุรกิจ ขณะที่นักลงทุนก็มองหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุน โดยปีนี้พบว่ามีนักลงทุนหน้าใหม่เข้าเปิดบัญชีเพื่อลงทุนในหุ้นไอพีโอเพิ่มขึ้นหลายพันราย ซึ่ง ตลท.ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อกำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นสามัญที่จะออกซื้อขายแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO ใน 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมเกินกว่า 2 แสนล้านบาท”

อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้าคาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายที่ใกล้เคียงกันกับปี 2556 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยสูงสุดมากกว่า 50,000 ล้านบาทต่อวัน จากทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ภาวะตลาดการซื้อขายที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุนในไทยเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากนโยบายภาครัฐ และแผนการขยายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคอาเซียน หลังเปิด AEC ซึ่งตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา ดัชนี SET INDEX มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 4.2 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น