ประธานบอร์ด L&E ฟุ้งเตรียมเข้าไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มคือ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เพิ่มจากที่มีอยู่คือ พม่าและเวียดนาม ในลักษณะร่วมทุนหรือเข้าซื้อ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเมืองนอกแตะ 10% ภายใน 3 ปี พร้อมปรับแผนการตลาดกระจายความเสี่ยงไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่ลูกค้ากลุ่มเดียว
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ หรือ L&E กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการณ์อัตรากำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าเทียบสัดส่วนกับปีที่แล้ว 5.81% เป็นไปตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการปรับเปลี่ยนของผู้บริโภคที่เน้นการประหยัดพลังงานมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของรายได้และกำไรในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีงานที่รอรับรู้รายได้ในไตรมาสนี้หลายโครงการ ขณะที่แนวโน้มการบริหารงานระยะยาว 3 ปี บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากงานโครงการไม่ต่ำกว่า 60% และงานค้าส่ง-ค้าปลีกตลอดจนถึงงานบริการ 30% ส่วนรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 10% จากปัจจุบันที่กว่า 90% เป็นรายได้จากงานโครงการเป็นหลัก ซึ่งเป็นไปตามแผนงานบริหารจัดการรายได้ใหม่ ในการกระจายแหล่งรายได้ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มลูกค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะกระทบต่อธุรกิจ พร้อมกันนี้บริษัทฯ จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านส่วนแบ่งการตลาดงานโครงการของประเทศต่อไปไม่ให้ต่ำกว่า 40%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เตรียมที่จะเข้าไปลงทุนขยายตลาดต่างประเทศ ในการเข้าซื้อกิจการกลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายโคมไฟและอุปกรณ์แสงสว่างที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่ทั้งนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาด้านกฎระเบียบและความคุ้มค่าในการลงทุน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศฟิลิปปินส์ โดยอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมรายละเอียดซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานทางธุรกิจในต่างประเทศได้แก่ประเทศพม่าและเวียดนาม โดยมีสัดส่วนรายได้การขายต่างประเทศอยู่ที่ 3% ของรายได้รวม ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 10% ภายในระยะเวลา 3 ปี
“บริษัทมีความตั้งใจที่จะขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับเขตการค้าเสรีอาเซียนที่จะมีขึ้นในปี 2558 ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ เตรียมที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีความต้องการสินค้าที่เติบโตสูง ซึ่งอาจเข้าไปลงทุนในลักษณะการเข้าไปซื้อกิจการ ซึ่งจะมีแง่ดีที่เป็นประโยชน์กับบริษัท ที่จะไม่ต้องเสียเวลาในการทำตลาดมากเหมือนกับการเข้าไปบุกเบิกใหม่ ขณะที่การลงทุนอีกแบบหนึ่งคือ จะเข้าไปหาพันธมิตรเพื่อร่วมทุน ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในตอนนี้โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปต่างๆ ภายในต้นปีหน้า”