นายแบงก์เตือนปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่ง 82-83% กำลังเป็นปัจจัยลบบั่นทอนการขยายตัวของ ศก.ไทย ระบุ ความหวังเดียวตอนนี้ คือ การขับเคลื่อนจากภาครัฐบาล ด้านเอกชนยอมรับ ไทยกำลังเผชิญภาวะเงินฝืด ซึ่งเกิดจากทั้งปัจจัยภายในและนอกประเทศ มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนกลับ ส่งผลให้สภาพคล่องในระบบหายไป แนะรัฐบาลเร่งปั๊มเงินใส่รากหญ้า
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยตอนนี้คือ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 82-83% ซึ่งสูงเป็นพิเศษ ทำให้กำลังซื้อในชนบทไม่ดีและมีความกังวลเรื่องการจับจ่ายใช้สอย เพราะผลิตผลการเกษตรตกต่ำ เช่น ราคายางพารา ซึ่งการที่หนี้ครัวเรือนสูงสะท้อนว่ามีหนี้เยอะ รายได้ในอนาคตไม่ดี มีการบริโภคน้อยลงทำให้กำลังซื้อไม่กลับคืนมา
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องปรับตัวในปี 2558 คือ เอกชนต้องหาการลงทุนในเฟสใหม่ๆ ซึ่งในประเทศอาจจะไปได้ไม่มากแล้ว เพราะความหวังเดียวคือ รัฐบาลทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่จะทำให้เศรษฐกิจปี 2558 ขับเคลื่อนไปได้ นอกจากนี้ เอกชนต้องมองหาจังหวะการลงทุนข้างนอกที่เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ของบริษัทจดทะเบียนของไทย (บจ.) อย่างการค้าชายแดนตอนนี้ที่แม่สอดเติบโต 20-30%
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทยตอนนี้อยู่ในภาวะเงินฝืด เกิดจากทั้งปัจจัยภายในและนอกประเทศ เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวตัวเลขเศรษฐกิจดี และใกล้สิ้นสุดมาตรการ QE ก็จะเห็นการไหลออกเม็ดเงินลงทุนกลับไปที่สหรัฐฯ ทำให้สภาพคล่องในระบบหายไป
ส่วนในประเทศมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ แม้โครงการอนุมัติแล้วแต่เงินยังไม่เข้า และยังมีงบประมาณที่ค้างท่อของปี 2557 อีกจำนวนมาก รวมทั้งงบไทยเข้มแข็งซึ่งรวมกันราว 1.5 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำอย่างยิ่งคือ การเบิกจ่ายเงินสู่รากหญ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แม้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์แต่นโยบายรัฐก็ต้องมีเสน่ห์ด้วยเพื่อที่จะเติบโตได้