ผู้บริหาร ธ.กรุงเทพ หนุนรัฐออกแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อดันจีดีพีปีหน้า เติบโตได้มากกว่า 5% พร้อมห่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้แค่บางส่วน และกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง ทำให้กำลังซื้อไม่กลับมา ด้านรองนายกฯ ยืนยันเศรษฐกิจไทย ไม่ได้ถดถอย ย้ำบทเรียนต้มยำกุ้ง ทำให้ต้องมีความรอบคอบในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมากขึ้น และได้มีการพยายามแก้ไขจุดอ่อนดังกล่าว พร้อมตั้งธงปี 58 จะต้องเพิ่มการบริโภคภายในประเทศ และส่งเสริมการส่งออกเป็นหลัก
นายกอบศักดิ์ ภู่ตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่กิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2557 เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ แม้จะมีรัฐบาลใหม่และความเชื่อมั่นของประชาชนดีขึ้น แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเติบโตเฉพาะบางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่มีรายได้สูง ขณะที่กลุ่มชนชั้นกลาง และผู้มีรายได้น้อยยังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนและรายได้ไม่สูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อยังไม่กลับมา ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารายังตกต่ำ ทำให้สถานการณ์โดยรวมไม่ดีขึ้น จึงเห็นด้วยหากรัฐบาลจะออกแพ็กเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับระยะสั้นควรเร่งกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยใช้โอกาสไฮซีซันด้วยการยกเลิกกฎอัยการศึกชั่วคราว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวไทย เร่งเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟรางคู่ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 เพื่อยืนยันความตั้งใจของรัฐ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้เอกชนมาลงทุนในอนาคต เพราะขณะนี้เอกชนมีความพร้อมที่จะเดินหน้าการลงทุน ทั้งโรงงานซีเมนต์และโรงงานเหล็ก นอกจากนี้ รัฐบาลควรวางแผนระยะยาวดูแลภาคการเกษตรที่จะสร้างคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน และปรับเปลี่ยนโครงสร้างและเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรให้มากขึ้น เพื่อช่วยบริหารต้นทุนไม่ใช่ใช้วิธีการแจกเงิน ซึ่งไม่เกิดผลที่ยั่งยืน
นายกอบศักดิ์ ยังกล่าวเสริมว่า สิ่งที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ ซึ่งควรออกมาตรการเป็นแพ็กเกจเช่นเดียวกัน เช่น สวัสดิการสังคม, 30 บาทรักษาทุกโรค, มาตรการภาษี เพื่อช่วยเหลือคนจน หากทำได้เศรษฐกิจปี 2558 จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5 เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพรัฐบาล แต่หากทำไม่ได้จะขยายตัวร้อยละ 5 เท่านั้น ขณะที่ปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ร้อยละ 1.5-2.0 อย่างแน่นอน
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมระดับผู้นำด้านสถาบันการเงิน และการบริหารจัดการสินทรัพย์ของภาครัฐ ครั้งที่ 2 ระบุว่า ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ แม้ประเทศไทยจะมีปัญหาทางการเมือง และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอยรุนแรง โดยยอมรับว่า ปัญหาการเมืองที่ผ่านมา อาจทำให้จีดีพีชะลอตัวลงบ้าง แต่เศรษฐกิจไทยยังคงเข้มแข็ง เพราะประเทศไทยเรียนรู้บทเรียนจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้ประเทศไทยมีความรอบคอบในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมากขึ้น และได้มีการพยายามแก้ไขจุดอ่อนดังกล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 อาจจะมีการขยายตัวไม่ได้สูงมากนัก โดยจีดีพีอาจจะไม่ถึงร้อยละ 5 จะขยายตัวได้ร้อยละ 3-4 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ดีพอสมควร โดยจะต้องเพิ่มการบริโภคภายในประเทศและส่งเสริมการส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียนและจีน
ทั้งนี้ เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 การค้าระหว่างอาเซียนจะเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการค้าเสรี ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นแชมเปี้ยนด้านการส่งออกสินค้าอุปโภคและบริโภคอยู่แล้ว ควรจะต้องเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาประเทศเพื่อก้าวสู่การเป็นชาติแห่งการค้า (Trading Nation) ปรับปรุงกฎระเบียบการค้าให้เสรีมากขึ้น เพื่อให้คู่ค้าสามารถทำการค้าได้ง่ายขึ้น ปรับปรุงระบบภาษีและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางทางการค้า
