วีซ่าเผยคนไทยนิยมใช้บริการชำระเงินแบบ “แตะบัตร” หรือ wave and go มากขึ้น เหตุสะดวก-รวดเร็ว-ไม่ต้องพกเงินสด ระบุในเดือน ส.ค. ยอดวีซ่าเพย์เวฟโต 155% จากเดือนก่อนหน้า
วีซ่าเผยผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทให้บริการเทคโนโลยีด้านการชำระเงินระดับโลกชี้ให้เห็นว่า การชำระเงินแบบไร้สัมผัส (contactless payments) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคชาวไทยจำนวน 7 คนจาก 10 คน หรือร้อยละ 66 ที่ได้ทำแบบสอบถามพบว่า พวกเขาชื่นชอบในการชำระเงินแบบ “wave and go” หรือการชำระเงินแบบ “แตะบัตร” และไม่ต้องเซ็นสลิป ทั้งยังนิยมที่จะไปจับจ่ายในร้านค้าที่เปิดให้บริการในรูปแบบนี้
ทั้งนี้ การศึกษาทัศนคติด้านการชำระเงินของลูกค้าในปี พ.ศ. 2557 ของวีซ่า ได้ทำการสำรวจทัศนคติในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ถือบัตรวีซ่าในสี่ประเทศชี้ชัดว่า การชำระเงินแบบไร้สัมผัสในประเทศไทยได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับกลุ่มคนวัยทำงานในช่วงอายุตั้งแต่ 25-34 ปีที่ร้อยละ 77 โดยกลุ่มนี้เลือกที่จะช็อปในร้านค้าที่มีเทคโนโลยี “แตะบัตร” จ่ายเงินผ่านบริการวีซ่าเพย์เวฟแทนร้านค้าที่ไม่มี นอกจากนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศฟิลิปปินส์มีจำนวนมากถึงร้อยละ 78 ในประเทศมาเลเซียร้อยละ 68 และร้อยละ 60 ในประเทศสิงคโปร์ยังเลือกที่จะไปจับจ่ายในร้านค้าที่มีบริการการชำระเงินแบบไร้สัมผัสให้เป็นทางเลือกแก่ลูกค้า
โดยในงาน 5th Asian Payment Card Forum ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ วานนี้ (22 ก.ย.) นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า ร้านค้าจำนวนมากกำลังเปิดใช้บริการการชำระเงินแบบไร้สัมผัสในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับประเทศไทยแล้ว การชำระเงินแบบไร้สัมผัสและการไม่ต้องพกเงินสดติดตัวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันในขณะที่ผู้บริโภคและร้านค้าได้ตระหนักแล้วว่า การชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้มอบความสะดวกสบายและความรวดเร็วสำหรับชีวิตที่ต้องรีบเร่งของพวกเขา โดยการทำธุรกรรมผ่านบัตรวีซ่าเพย์เวฟสามารถทำได้ในจำนวนเงินสูงสุด 1,500 บาทต่อครั้ง ด้วยมาตรการความปลอดภัยหลายขั้นตอน
ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา วีซ่าเพย์เวฟได้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนการทำธุรกรรมการเงินผ่านบัตรวีซ่าเพย์เวฟที่โตถึงร้อยละ 155 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เม็ดเงินจากการทำธุรกรรมผ่านบัตรวีซ่าเพย์เวฟยังเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 77 ในช่วงเวลาเดียวกัน ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของช่องทางการชำระเงินแบบไร้สัมผัสสำหรับผู้ค้าสำคัญต่างๆ รวมถึงบรรดาร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, และแม็กซ์แวลู นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป โรงหนังเครือเอสเอฟ ซีเนม่า และร้านอาหารต่างๆ เช่น เฮลโล คิตตี้ เฮ้าส์ และร้านแมคโดนัลด์ที่เริ่มใช้เทคโนโลยี วีซ่า เพย์เวฟ อย่างแพร่หลาย
“มากกว่าสามในห้าของผู้บริโภคชาวไทยที่พึงพอใจและยินดีที่จะจับจ่ายใช้สอยผ่านการชำระเงินแบบไร้สัมผัสซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมและเป็นทางเลือกสำหรับการชำระเงินแทนเงินสด นอกจากนี้แล้ว การที่ผู้บริโภคนิยมทำธุรกรรมการเงินแบบไร้สัมผัสยังบ่งบอกถึงอนาคตการเงินที่การใช้จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์จะมาทดแทนการใช้เงินสดในสังคมไทย”
วีซ่าเผยผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทให้บริการเทคโนโลยีด้านการชำระเงินระดับโลกชี้ให้เห็นว่า การชำระเงินแบบไร้สัมผัส (contactless payments) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคชาวไทยจำนวน 7 คนจาก 10 คน หรือร้อยละ 66 ที่ได้ทำแบบสอบถามพบว่า พวกเขาชื่นชอบในการชำระเงินแบบ “wave and go” หรือการชำระเงินแบบ “แตะบัตร” และไม่ต้องเซ็นสลิป ทั้งยังนิยมที่จะไปจับจ่ายในร้านค้าที่เปิดให้บริการในรูปแบบนี้
ทั้งนี้ การศึกษาทัศนคติด้านการชำระเงินของลูกค้าในปี พ.ศ. 2557 ของวีซ่า ได้ทำการสำรวจทัศนคติในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ถือบัตรวีซ่าในสี่ประเทศชี้ชัดว่า การชำระเงินแบบไร้สัมผัสในประเทศไทยได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับกลุ่มคนวัยทำงานในช่วงอายุตั้งแต่ 25-34 ปีที่ร้อยละ 77 โดยกลุ่มนี้เลือกที่จะช็อปในร้านค้าที่มีเทคโนโลยี “แตะบัตร” จ่ายเงินผ่านบริการวีซ่าเพย์เวฟแทนร้านค้าที่ไม่มี นอกจากนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศฟิลิปปินส์มีจำนวนมากถึงร้อยละ 78 ในประเทศมาเลเซียร้อยละ 68 และร้อยละ 60 ในประเทศสิงคโปร์ยังเลือกที่จะไปจับจ่ายในร้านค้าที่มีบริการการชำระเงินแบบไร้สัมผัสให้เป็นทางเลือกแก่ลูกค้า
โดยในงาน 5th Asian Payment Card Forum ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ วานนี้ (22 ก.ย.) นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า ร้านค้าจำนวนมากกำลังเปิดใช้บริการการชำระเงินแบบไร้สัมผัสในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับประเทศไทยแล้ว การชำระเงินแบบไร้สัมผัสและการไม่ต้องพกเงินสดติดตัวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันในขณะที่ผู้บริโภคและร้านค้าได้ตระหนักแล้วว่า การชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้มอบความสะดวกสบายและความรวดเร็วสำหรับชีวิตที่ต้องรีบเร่งของพวกเขา โดยการทำธุรกรรมผ่านบัตรวีซ่าเพย์เวฟสามารถทำได้ในจำนวนเงินสูงสุด 1,500 บาทต่อครั้ง ด้วยมาตรการความปลอดภัยหลายขั้นตอน
ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา วีซ่าเพย์เวฟได้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนการทำธุรกรรมการเงินผ่านบัตรวีซ่าเพย์เวฟที่โตถึงร้อยละ 155 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เม็ดเงินจากการทำธุรกรรมผ่านบัตรวีซ่าเพย์เวฟยังเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 77 ในช่วงเวลาเดียวกัน ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของช่องทางการชำระเงินแบบไร้สัมผัสสำหรับผู้ค้าสำคัญต่างๆ รวมถึงบรรดาร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, และแม็กซ์แวลู นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป โรงหนังเครือเอสเอฟ ซีเนม่า และร้านอาหารต่างๆ เช่น เฮลโล คิตตี้ เฮ้าส์ และร้านแมคโดนัลด์ที่เริ่มใช้เทคโนโลยี วีซ่า เพย์เวฟ อย่างแพร่หลาย
“มากกว่าสามในห้าของผู้บริโภคชาวไทยที่พึงพอใจและยินดีที่จะจับจ่ายใช้สอยผ่านการชำระเงินแบบไร้สัมผัสซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมและเป็นทางเลือกสำหรับการชำระเงินแทนเงินสด นอกจากนี้แล้ว การที่ผู้บริโภคนิยมทำธุรกรรมการเงินแบบไร้สัมผัสยังบ่งบอกถึงอนาคตการเงินที่การใช้จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์จะมาทดแทนการใช้เงินสดในสังคมไทย”