GPSC เตรียมแต่งตัวตัวเข้าตลาดหุ้น คาดพร้อมใน Q1/58 เล็งเพิ่มเป้าผลิตไฟฟ้าในปี 63 พร้อมเปิดแผนการลงทุน ทั้งใน และต่างประเทศ
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด หรือ GPSC ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมทบทวนเป้าหมายกำลังการผลิตที่กำหนดไว้ 6 พันเมกะวัตต์ ภายในปี 63 โดยอาจจะปรับเพิ่มขึ้น เพื่อทบทวนโอกาสในการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่น่าจะมีมากขึ้นตามความต้องการไฟฟ้าในภูมิภาค
โดยปัจจุบัน GPSC มีกำลังการผลิตไฟฟ้า จำนวน 1,825 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้า IPP ที่ จ.ชลบุรี และโรงไฟฟ้าระบบ Cogeneration ที่ จ.ระยอง มีกำลังการผลิตไฟฟ้า และไอน้ำรวมรวมกำลังการผลิต 1,038 เมกะวัตต์ และ 1,340 ตันต่อชั่วโมง
อีกทั้งโรงไฟฟ้า SPP ร่วมกับ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL 120 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้น 30%, โรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ กำลังผลิต 240 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้น 51%, โครงการไซยะบุรี ที่ สปป.ลาว กำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้น 25%, โครงการเขื่อนน้ำลิก ที่ สปป.ลาว บริษัทถือหุ้น 40% กำลังผลิต 65 เมกะวัตต์, โรงไฟ้ฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ บริษัทถือหุ้น 15% กำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจน บริษัทถือหุ้น 25% กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 (2553-2573) ที่ใกล้จะแล้วเสร็จที่อาจมีการเพิ่มโรงไฟฟ้าถ่านหินที่บริษัทให้ความสนใจ และความชัดเจนของนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่จะสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof Top)
ขณะที่ยังอยู่ระหว่างเจรจาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวภาพ 3-4 โครงการ รวมทั้งรอเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินในพม่า ซึ่งมองว่าพม่ามีความต้องการสูง และเตรียมเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 30 เมกะวัตต์ ในประเทศอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ GPSC จะเข้าไปร่วมกับกลุ่ม ปตท.ในโครงการลงทุนปิโตรคอมเพล็กซ์ในอินโดนีเซีย รวมทั้งโครงการโรงกลั่นและปิโตรคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม โดยจะเข้าไปในส่วนของบริการด้านสาธารณูปโภค และสาธารณูปการที่จะผลิตไฟฟ้า และน้ำรองรับโครงการดังกล่าว
สำหรับกระบวนการเตรียมตัวเข้าตลาดของ GPSC ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) นั้น คาดว่าจะพร้อมภายในไตรมาส 1/58 แต่จะเข้าซื้อขายได้เมื่อใดต้องดูภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่เหมาะสม โดยมี บล.เคที ซีมิโก้, บล.ทิสโก้ และ บล.ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โดย GSPC ถือหุ้นโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT สัดส่วน 30.10%, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC สัดส่วน 30.31%, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP สัดส่วน 11.8% และบริษัท ไทยออยล์ พาวเวอร์ ถือ 27.71%