BGH คาดปีนี้รายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้วราว 2.7 หมื่นล้าน เตรียมดันธุรกิจ NON Core business เต็มสูบ มั่นใจเมื่อไทยเข้าสู่ AEC กลุ่มจะมีความพร้อม และมีมาตรฐานทางด้านบริการทางการแพทย์ทัดเทียมกับสหรัฐฯ
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานบริหารกลุ่ม และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH เปิดเผยว่า กลุ่มโรงพยาบาล BGH มั่นใจว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) กลุ่มจะมีความพร้อม และมีมาตรฐานทางด้านบริการทางการแพทย์ทัดเทียมกับสหรัฐฯ หลังจากตั้งเป้าเพิ่มโรงพยาบาลเป็น 50 แห่ง ภายในปี 58 จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีโรงพยาบาลทั้งสิ้น 44 แห่ง และมีจำนวนเตียงผู้ป่วยเป็น 7,700 เตียง
โดยบริษัทฯ พยายามจะผลักดันให้ธุรกิจ NON Core business เช่น จำหน่ายกลุ่มโภคภัณฑ์ทางยา ยาเม็ด แคปซูล ยาน้ำ เครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงแหล่งจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
ขณะที่รายได้ปี 57 คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 55,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 52,394 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้วราว 27,000 ล้านบาท จากการเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนผู้ป่วยที่เป็นคนไทยประมาณ 70% และเป็นชาวต่างชาติ 30% โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวพม่าที่มาเข้ารับการรักษา
ทั้งนี้ มองว่าการเป็นโรงพยาบาลที่ดีต้องมีแพทย์ที่มีศักยภาพ และมีวิชาความรู้ที่ต้องเฉลี่ยไปทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน มีการใช้บุคลากรร่วมกันได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลดต้นทุนการแพทย์ที่ถูกลง โดยประเด็นดังกล่าว ต้องมาทบทวนกันใหม่ว่าจะทำอย่างไรที่จะใช้ทั้งเครื่องมือ บุคลากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Utilization)
อย่างไรก็ตาม มองว่าไทยจะยังต้องมีการเตรียมความพร้อมอีกมาก อาจจะอีกอย่างน้อย 8 ปี เพื่อให้โรงพยาบาลต่างๆ มีศักยภาพมากพอที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นได้ เนื่องด้วยยังต้องมีการพัฒนาความรู้ความสามารถบุคลากรการแพทย์ โดยเฉพาะเภสัชกร และแพทย์
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานบริหารกลุ่ม และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH เปิดเผยว่า กลุ่มโรงพยาบาล BGH มั่นใจว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) กลุ่มจะมีความพร้อม และมีมาตรฐานทางด้านบริการทางการแพทย์ทัดเทียมกับสหรัฐฯ หลังจากตั้งเป้าเพิ่มโรงพยาบาลเป็น 50 แห่ง ภายในปี 58 จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีโรงพยาบาลทั้งสิ้น 44 แห่ง และมีจำนวนเตียงผู้ป่วยเป็น 7,700 เตียง
โดยบริษัทฯ พยายามจะผลักดันให้ธุรกิจ NON Core business เช่น จำหน่ายกลุ่มโภคภัณฑ์ทางยา ยาเม็ด แคปซูล ยาน้ำ เครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงแหล่งจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
ขณะที่รายได้ปี 57 คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 55,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 52,394 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้วราว 27,000 ล้านบาท จากการเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนผู้ป่วยที่เป็นคนไทยประมาณ 70% และเป็นชาวต่างชาติ 30% โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวพม่าที่มาเข้ารับการรักษา
ทั้งนี้ มองว่าการเป็นโรงพยาบาลที่ดีต้องมีแพทย์ที่มีศักยภาพ และมีวิชาความรู้ที่ต้องเฉลี่ยไปทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน มีการใช้บุคลากรร่วมกันได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลดต้นทุนการแพทย์ที่ถูกลง โดยประเด็นดังกล่าว ต้องมาทบทวนกันใหม่ว่าจะทำอย่างไรที่จะใช้ทั้งเครื่องมือ บุคลากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Utilization)
อย่างไรก็ตาม มองว่าไทยจะยังต้องมีการเตรียมความพร้อมอีกมาก อาจจะอีกอย่างน้อย 8 ปี เพื่อให้โรงพยาบาลต่างๆ มีศักยภาพมากพอที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นได้ เนื่องด้วยยังต้องมีการพัฒนาความรู้ความสามารถบุคลากรการแพทย์ โดยเฉพาะเภสัชกร และแพทย์