xs
xsm
sm
md
lg

ดี-แลนด์ฯ สยายปีกบุกอสังหาฯ ชลบุรี ประเดิมโครงการแรก “ดีคอมเพล็กซ์” เชื่อดีมานด์ยังมี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศิริพงษ์ สมบูรณ์
ดี-แลนด์ สยายปีกรุกตลาดอสังหาฯ เมืองชลบุรี ไม่หวั่นสินค้าเหลือขายเพียบ ยืนยันบ้านแนวราบยังมีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มลุกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ประเดิมเปิดโครงการแรก ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1 อาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เผยกวาดยอดขายแล้ว 100 ล้านบาท

นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทดี-แลนด์กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ และสมุทรสาคร กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมของการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง สืบเนื่องมาจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจของประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา ส่งผลให้นับตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนพฤษภาคม 2557 มีโครงการเปิดใหม่ที่ลดน้อยลงไปเมื่อเทียบกันกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยศูนย์ข้อมูลฯ ระบุว่า โครงการเปิดใหม่ประเภทบ้านจัดสรรลดลงไป 10-15%

ขณะที่ประเภทคอนโดมิเนียมเองก็มีการเปิดโครงการใหม่ลดลงถึง 40% ด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขายใหม่ก็ไม่ได้หยุดชะงักลงไป หลายบริษัทยังคงมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ป้อนเข้าสู่ตลาดเรื่อยๆ เพียงแค่อาจไม่หวือหวามากนักหากเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เกิดจากการที่กำลังซื้อส่วนใหญ่ตัดสินใจชะลอการซื้อลงเพื่อดูสถานการณ์ไปก่อนในเบื้องต้น

อย่างไรก็ดี ทันทีที่มีรายงานถึงสัญญาณบวกในภาคอสังหาฯ ปรากฏขึ้นหลังก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งจากการที่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองลดลง เศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หรือการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมออกกฎหมาย และมาตรการการกระตุ้นภาคธุรกิจ และภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เริ่มมีการขยับขยายการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เกิดเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เห็นอย่างเด่นชัด นั่นคือ การขยายการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สู่หัวเมืองต่างจังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาอสังหาฯ ในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น คอมมูนิตีมอลล์ ไลฟ์สไตล์มอลล์ หรือแม้แต่การพัฒนาในลักษณะมิกซ์ยูส (Mix Use) เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ อย่างเช่นช่วงต้นปีที่ผ่านมา

เมื่อกล่าวถึงการกระจายตัวออกสู่ต่างจังหวัดสำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยหนึ่งที่เป็นที่น่าจับตามองก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของเขตจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ ที่จะสามารถรองรับตลาดแรงงานจำนวนมาก เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะโซนตะวันออก อย่างจังหวัดชลบุรี ที่มีความหลากหลายของทำเล เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากหลายบริษัท ประกอบกับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีอยู่หลายแห่ง และการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกแห่งหนึ่งของไทย ก็ถือเป็นทำเลหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

นายศิริพงษ์ กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจข้างต้นบริษัทจึงได้ขยายการลงทุนไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโซนตะวันออก อย่างอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการก้าวไปลงทุนนอกพื้นที่ที่เคยลงทุน ทั้งนี้ บริษัทมองว่าแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอัตราที่สูง ทำให้ในภาคของอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวตามไปด้วย และจากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ที่รายงานปริมาณที่อยู่อาศัยคงเหลือในเขตจังหวัดชลบุรี จากปีที่ผ่านมา พบว่าประเภทบ้านจัดสรรเหลือขายประมาณ 11,000 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวมประมาณ 35,200 ล้านบาท

แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวเหลือขาย 4,600 หน่วย, ทาวน์เฮาส์ เหลือขาย 4,000 หน่วย, บ้านแฝด เหลือขาย 1,700 หน่วย และอาคารพาณิชย์พักอาศัย เหลือขาย 600 หน่วย ประเภทโครงการอาคารชุดเหลือขาย 15,700 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขาย 50,400 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีรายงานถึงอัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรในชลบุรี โดยอยู่ที่ร้อยละ 6.6 ซึ่งหากไม่มีการเปิดขายหน่วยบ้านจัดสรรใหม่เลย จะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 12-15 เดือน ส่วนอัตราการดูดซับของห้องชุดในชลบุรี อยู่ที่ประมาณร้อยละ 7.8 โดยหากไม่มีการเปิดขายหน่วยห้องชุดใหม่เลย จะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 10-13 เดือน

นายศิริพงษ์ ประเมินสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 ว่า อสังหาริมทรัพย์ในโซนศรีราชา แม้ภาพรวมจะยังมีปริมาณที่สินค้าที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ คงเหลืออยู่ในตลาดพอสมควร แต่ก็คาดว่าจะยังมีโครงการใหม่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการประเภทบ้านจัดสรร ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ สืบเนื่องจาก 1.ปริมาณหน่วยเหลือขายของกลุ่มบ้านจัดสรรที่มีน้อยกว่ากลุ่มอาคารชุด

2.แนวโน้มในด้านของความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากเจาะลึกเฉพาะในโซนอำเภอศรีราชา ก็จะพบว่า เป็นเขตเศรษฐกิจที่รายล้อมไปด้วยนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งดึงแรงงานทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติให้เข้ามาในพื้นที่ในปริมาณที่สูงมาก

3.แผนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งเมื่อมองถึงอนาคตสำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ที่ใกล้เข้ามา ก็จะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ในโซนดังกล่าวจะสูงขึ้นตามไปอีก

โครงการแรกของบริษัทฯ ได้เปิดขายโครงการเมื่องกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการ ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1 มูลค่าโครงการรวม 500 ล้านบาท พัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท บนเนื้อที่โครงการรวม 15 ไร่ ที่ตั้งใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1-4 แวดล้อมด้วยทำเลการค้า ย่านธุรกิจ แหล่งท่องเที่ยว และสถานศึกษา เช่น สวนเสือศรีราชา โรงเรียนอัญสัมชัญศรีราชา โรงพยาบาลสมิติเวช โรบินสัน และคอมมูนิตีมอลล์ J-Park ฯลฯ เดินทางเข้า-ออกได้ถึง 4 ทาง ได้แก่ ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนบายพาส ถนนศรีราชา-หนองยายปู และถนนอัญสัมชัญ-หนองค้อ

โครงการ ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1 ออกแบบภายใต้แนวคิด Biz City ด้วยลักษณะโครงการเป็น มิกซ์ยูส (Mix Use) ที่เน้นมุมมองการใช้งานรูปแบบผสม เพื่อตอบสนองความต้องการได้ครบวงจร และครบทุกไลฟ์สไตล์ทั้งความต้องการด้านธุรกิจ และพักอาศัย บนเนื้อที่โครงการรวม 15 ไร่ และหลากหลายด้วยอาคารถึง 3 แบบภายในโครงการ ประกอบด้วย D Shop หรืออาคารพาณิชย์ 4 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ลึก 12 เมตร พื้นที่ใช้สอยกว่า 265 ตารางเมตร เน้นออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบการค้า และการลงทุน

คนรุ่นใหม่ D Mix หรือโฮมออฟฟิคแนวคิดใหม่สูง 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร พร้อมการออกแบบพื้นที่ด้านหลังบ้านให้สามารถใช้งานเป็นพื้นที่จอดรถอย่างเป็นสัดส่วน พร้อมผสมผสานรูปแบบการใช้ชีวิตควบคู่กับการทำธุรกิจไว้อย่างลงตัวและ D Residence อาคารพาณิชย์ 3 ชั้นกึ่งพักอาศัย เน้นฟังก์ชันขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ รวมถึงพื้นที่โถงด้านล่างที่สามารถเปิดธุรกิจ และปรับฟังก์ชันได้ทุกรูปแบบ หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจห้องเช่าได้ทันที

ส่วนโปรโมชันช่วง Presale แถมเฟอร์นิเจอร์ครบเซต แอร์ทุกห้องนอน และฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนสมัยใหม่ที่คุณสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ต้องมีเงินก้อน “เพียงเปลี่ยนรายได้ค่าเช่ามาผ่อนชำระธนาคาร” โดยทั้ง 3 แบบ 3 สไตล์ ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3.9 ล้านบาท หลังจากที่ได้มีการเปิดแนะนำโครงการไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนในพื้นที่ ด้วยยอดจองกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าโครงการจะเริ่มทยอยแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2558

“ถึงแม้ว่าตลาดอสังหาฯ ในโซนนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จะมีการแข่งขันที่สูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงเป็นทำเลที่มีแนวโน้มการขยายตัวที่สูงเช่นกัน จะเห็นได้จากการเปิดตัวของนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 3 และ 4 เพิ่มขึ้นในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากหลายบริษัท และในปลายปี 2558 ที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มรูปแบบก็จะเป็นอีกปัจจัยบวกในด้านความต้องการที่อยู่อาศัยในโซนนี้ อีกทั้งเมื่อมองในส่วนของระบบระบบสาธารณูปโภค และการพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่จะได้รับการก่อสร้างและพัฒนาเพิ่มอีกหลายสายในอนาคตอันใกล้ก็ล้วนส่งผลให้ศักยภาพในทำเลนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน” นายศิริพงษ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น