“สมบัติ” ยัน “กบข.” มีสภาพคล่องเพียงพอ หากสมาชิก 6 แสนราย จะเลือกกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญ ระบุพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่ 66% อยู่ในพันธบัตรที่มีสภาพคล่องสูง ที่เหลือเป็นการลงทุนในเงินฝาก และการลงทุนในตลาดหุ้นไทย-ต่างประเทศ พร้อมมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น เพราะปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นมีอยู่เพียง 10.5% เท่านั้น
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า การที่กรมบัญชีกลาง เดินหน้าเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข. ก่อนเดือนมีนาคม 2540 สามารถเลือกกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 นั้น กบข. ขอยืนยันว่า สมาชิกจะต้องพิจารณาถึงผลประโยชน์ที่ได้รับอย่างถี่ถ้วน หากสมาชิกเลือกกลับไปรับบำเหน็จบำนาญ แม้จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่สมาชิก กบข. จะต้องคืนเงินสมทบที่รัฐบาลสะสมให้ร้อยละ 5
นายสมบัติ กล่าวว่า ข้าราชการที่มีสิทธิเลือกกลับไปใช้ระบบบำเหน็จบำนาญมีอยู่ประมาณ 600,000 คน จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 1.2 ล้านคน ซึ่ง กบข. มั่นใจว่ามีสภาพคล่องเพียงพอรองรับ หากข้าราชการกลุ่มดังกล่าวจะลาออกจากสมาชิก กบข. เนื่องจากพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 66 อยู่ในพันธบัตรที่มีสภาพคล่องสูง ที่เหลือเป็นการลงทุนในเงินฝาก และการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น เพราะปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นมีอยู่เพียงร้อยละ 10.5 เท่านั้น ซึ่ง กบข. ยังมีเวลาเตรียมตัวอีกปีเศษ
ทั้งนี้ ตามแนวทางร่าง พ.ร.บ. การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 ได้กำหนดระยะเวลาการแสดงความประสงค์จะใช้สิทธิ Undo ใหม่ ดังนี้ สำหรับผู้รับบำนาญ แจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 และหากต้องคืนเงินส่วนต่างให้ชำระคืนแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ส่วนข้าราชการผู้มีสิทธิแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 โดยสมาชิกภาพ กบข. จะสิ้นสุดในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 และจะได้รับเฉพาะเงินสะสม และผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินสะสมจาก กบข. เท่านั้น