นักลงทุนคลายกังวลเรื่องมาตรการคว่ำบาตรจากสหภาพยุโรป ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ประกาศชัดนโยบายปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ และโรดแมป จะทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังโตก้าวกระโดด ส่งผลให้ตลอดช่วงเช้าดังชนีหุ้นไทยสามารถทรงตัวในแดนบวกได้อย่างต่อเนื่อง จนปิดตลาดช่วงเช้าไปที่ 1,476.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.59 จุด เปลี่ยนแปลง +0.52% มูลค่าการซื้อขาย 18,602.36 ล้านบาท โดยสามารถขึ้นแตะจุดสูงสุดได้ที่ 1,477.62 จุด และต่ำสุดที่ 1,471.69 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน สรุปความเคลื่อนไหวช่วงเช้า ดัชนีได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะฟื้นตัวขึ้น หนุน Dow Jones ปิดในแดนบวก เป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้ด้วย ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังคงเป็นการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้น Big Cap ใน SET50 ขณะที่ระยะ 1 เดือนข้างหน้าประเมินภาพ SET เชิงบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนจาก คสช. รวมถึงแรงเก็งผลประกอบการ 2Q14F ของบริษัทจดทะเบียน และ Fund Flow ที่มักจะไหลเข้าไทยช่วงเดือน ก.ค. จะเป็นแรงหนุนตลาดในระยะถัดไป
อย่างไรก็ตามการที่มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบางคาดว่า ช่วงบ่ายดัชนีน่าจะยังคงทรงตัวต่อเนื่องจากช่วงเช้า ถึงอาจอ่อนตัวลงระหว่างเทรดได้เล็กน้อย เนื่องจากขณะนี้ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวสูงขึ้นมาแล้วถึง 14 เท่า จึงแนะนำ “ทยอยสะสม”
ขณะที่นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองกรณีสหภาพยุโรปออกมาตรการคว่ำบาตรไทยนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนภาคเอกชน เพราะเป็นเรื่องระหว่างรัฐ ส่วนนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ส่งผลต่อการปรับตัวของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่านั้น จึงอยากให้นักลงทุนเพิ่มความระวังในการลงทุนช่วงเวลานี้มากขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนกลุ่มเข้า-ออกตลอดเวลา ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าการที่ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นมาจากสาเหตุใด