ปธ.สภาธุรกิจตลาดทุนฯ ชี้ “อียู” คว่ำบาตร “เศรษฐกิจไทย” ไม่กระทบตลาดหุ้น เหตุนักลงทุนเข้าใจการเมืองมากขึ้น ส่วนภาคส่งออกกระทบไม่มาก เพราะมีสัดส่วนแค่ 10% แต่อาจมีผลต่อ “จีเอสพี” โดยต้องรอดูว่ารัฐบาลที่จะมีการจัดตั้งในช่วงไตรมาส 4 นี้ จะมีแนวทางในการแก้ไขอย่างไรบ้าง พร้อมคาด “เศรษฐกิจโลก” ฟื้นตัว ลูกค้ารายใหญ่จีน จะช่วยชดเชยส่วนที่หายไป
นายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) จะกระทบต่อการส่งออกไม่มากนัก เนื่องจากการส่งออกของประเทศไทยไปยุโรปมีสัดส่วนเพียง 10% ของการส่งออกรวมเท่านั้น แต่อาจจะกระทบต่อสิทธิประโยชน์ด้านภาษี (จีเอสพี) ที่เคยทำร่วมกับอียู และจะมีการทบทวนในช่วงต้นปีหน้า
“เท่าที่มองการส่งออกของเราไปยุโรปเป็นสัดส่วนแค่ 10% เท่านั้น ซึ่งหลายๆ อุตสาหกรรมก็ยังสามารถส่งออกไปได้ เช่น อาหาร มีเพียงบางอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ถูกงดนำเข้าจากยุโรป โดยมองว่าหากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีตามคาดการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ก็จะทำให้หลายๆ อย่างดีขึ้น โดยเฉพาะหากประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าหลักของไทยเศรษฐกิจฟื้นตัวก็จะช่วยหนุนการส่งออกชดเชยกับสัดส่วนที่หายไปจากยุโรป”
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ยังเชื่อว่า การคว่ำบาตรของอียูจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น หรือการลงทุนในประเทศไทยมากนัก เนื่องจากนักลงทุนมีความเข้าใจถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
“จากเท่าที่ได้คุยกับนักลงทุนทั้งจากฝั่งยุโรป และสหรัฐฯ หลายรายก็พบว่าส่วนใหญ่เข้าใจต่อสถานการณ์บ้านเมืองของเราเป็นอย่างดีถึงความจำเป็นที่ต้องมีการทำรัฐประหาร มิเช่นนั้นก็จะทำให้เกิดความยืดเยื้อด้านการเมืองแบบไม่รู้จบ ทำให้เศรษฐกิจเดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งเท่าที่มองคิดว่าไม่มีอะไรให้น่าห่วง และไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เห็นได้จากดัชนีที่สะท้อนความเชื่อมั่นต่างๆ ในเชิงบวก แม้จะมีการปรับตัวลดลงบ้างแต่ก็เป็นการพักฐาน หรือขายทำกำไรในช่วงสั้นเท่านั้น ซึ่งพื้นฐานต่างๆ ของประเทศร่วมทั้ง บจ.ของไทยก็ยังถือว่าแข็งแกร่งมีศักยภาพในการเติบโตได้ดี ซึ่งหลังจากนี้ก็มารอดูว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปตามโรดแมปใน Q4 ได้หรือไม่” นายไพบูลย์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย
