xs
xsm
sm
md
lg

“เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง” ทุ่มกว่าพันล้านซื้อหุ้น “มิลล์คอน สตีล” 20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง” เข้าซื้อหุ้นสามัญ “มิลล์คอน สตีล” พร้อมหุ้นบุริมสิทธิจากผู้ถือหุ้นเดิม 6 ราย คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วคิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,013,501,070.70 บาท หวังขยายธุรกิจวัสดุก่อสร้างให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต และต้องการพันธมิตรเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป

นายวุฒิชัย เศรษฐบุตร กรรมการ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2557 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 57 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าทำการซื้อหุ้นของบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ได้แก่ หุ้นสามัญ 251,007,266 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.93 บาท เป็นเงิน 484,444,023.38 บาท และหุ้นบุริมสิทธิ (MILL-PA) จำนวน 249,555,211 หุ้น ในราคาหุ้นละ 2.12 บาท เป็นเงิน 529,057,047.32 บาท รวมทั้งสิ้น 500,562,477 หุ้น หรือสัดส่วน 20 % ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,013,501,070.70 บาท จากผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 6 ราย

โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทน และการชำระมูลค่าบริษัทได้ว่าจ้างบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในการวิเคราะห์ และให้ความเห็นเกี่ยวกับทางเลือกในการพิจารณาลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเหล็ก และจัดทำรายงานเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อประกอบการพิจารณาลงทุนดังกล่าว โดย GBS ได้ทำการประเมินมูลค่ายุติธรรมของหุ้น MILL เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนของ GEL

ทั้งนี้ GBS เห็นว่าวิธีมูลค่าตามราคาตลาด และมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสดเหมาะสมที่สุดที่จะใช้ประเมินมูลค่าหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากวิธีมูลค่าตามราคาตลาดจะสะท้อนราคาหุ้นบริษัทตามอุปสงค์ และอุปทานของหุ้นบริษัท โดยอ้างอิงจากข่าวสารที่เป็นปัจจุบันที่สุด

อย่างไรก็ตาม GEL ควรพิจารณาราคาตลาดของหุ้น MIL รวมทั้งข่าวสารล่าสุดอีกครั้งก่อนวันตกลงซื้อขาย เนื่องจากราคาตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมทั้งพิจารณามูลค่าการซื้อขายต่อวันประกอบการตัดสินใจ ส่วนวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด จะสะท้อนมูลค่าบริษัทจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดในอนาคต ภายใต้สมมติฐาน ณ ปัจจุบัน เช่น การเพิ่มกำลังการผลิต การเน้นผลิตสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูง และผลกระทบจากการเพิ่มทุน เป็นต้น ดังนั้น มูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นสามัญของบริษัทอยู่ระหว่าง 1.77-1.96 บาทต่อหุ้น

การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว มาจากความต้องการขยายธุรกิจวัสดุก่อสร้างให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต จึงมีความต้องการโอกาสในการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อส่งเสริม และสนับสนุนธุรกิจผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยฝ่ายบริหารเล็งเห็นว่า Millcon เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่จะช่วยส่งเสริมการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างของบริษัท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์พื้นคอนกรีตอัดแรง และผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป

นอกจากนี้ การได้ความรู้ และความเชี่ยวชาญและความได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบจะเป็นประโยชน์แก่บริษัทเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Millcon โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะได้รับประโยชน์ในหลายๆ ด้านจากความร่วมมือประสานงานกันระหว่าง 2 บริษัท (Synergy) เช่น การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจซื้อขายผลิตภัณฑ์เหล็ก และเศษเหล็ก การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กที่บริษัทใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตของหลายผลิตภัณฑ์ การพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เหล็กเพื่อใช้ในโครงสร้างคอนกรีตหล่อสำเร็จรูปของบริษัท รวมไปถึงการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั้งใน และต่างประเทศ ความร่วมมือประสานงานกันระหว่าง 2 บริษัทนี้จะทำให้บริษัทสามารถพัฒนาขยายตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มรายได้จากการพัฒนาการค้าในภูมิภาคอื่นๆ ที่มีศักยภาพ ลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักของผลิตภัณฑ์ของบริษัทลดปัญหาการขาดแคลนผลิตภัณฑ์เหล็กที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางช่วงเวลา และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการจัดส่งและการจัดเก็บสต๊อกของสินค้าและวัตถุดิบของบริษัท


กำลังโหลดความคิดเห็น