xs
xsm
sm
md
lg

PYLON เชื่องานก่อสร้างครึ่งปีหลังคึกคักฟุ้งคว้างานใหม่ 3 โครงการ มูลค่า 141 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บดินทร์ แสงอารยะกุล
“PYLON” เชื่อรัฐประหารฟื้นความเชื่อมั่นหนุนงานก่อสร้างครึ่งปีหลังคึกคัก เอกชนพร้อมเดินหน้าลงทุน ขณะที่ภาครัฐเร่งเปิดประมูลโครงการใหญ่รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนครึ่งปีหลัง ประมูลสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 หนุนงานก่อสร้างต้นปี 58 โต ฟุ้งคว้างาน 3 โครงการ มูลค่าเกือบ 141 ล้านบาท

นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสา เข็มเจาะ) เปิดเผยว่า การทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นมุมมองเชิงบวก เพราะสถานการณ์ทางการเมืองจะเริ่มคลี่คลาย ส่งผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้าง งานฐานรากเสาเข็มเจาะในช่วงต่อจากนี้จะคึกคักมากขึ้น ทั้งงานภาครัฐ และเอกชน

“หลังจากมีการทำรัฐประหารในช่วงที่ผ่านมา จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย งานทั้งภาครัฐบาล และเอกชนจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้ ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ผู้ประกอบการก็ไม่กล้าลงทุนโครงการใหม่ๆ โดยประเมินในช่วงครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมก่อสร้างเสาเข็มเจาะจะคึกคักมากขึ้น เริ่มจากโครงการของภาคเอกชนก่อนในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า ส่วนงานของภาครัฐขณะนี้อยู่ในช่วงยื่นซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และในไตรมาส 3-4/2557 จะมีการประมูลสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 คาดว่าภายหลังจากการประมูลเสร็จสิ้น น่าจะเห็นความชัดเจนในการเริ่มลงมือก่อสร้างโครงการในช่วงต้นปี 58 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้” นายบดินทร์ กล่าว

ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการยืนยันการจ้างงานก่อสร้างโครงการต่างๆ เพิ่มเติมจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงินประมาณ 141 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้แก่ 1.โครงการ MRT Red Line (Kheha and Rangsit Station) เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับทางรถไฟฟ้ายกระดับ (งานเฉพาะค่าแรง) ของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ (ITD) ระยะเวลาก่อสร้าง 295 วัน 2.โครงการ MRT Red Line (Wat Samean Nari Station) เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับทางรถไฟฟ้ายกระดับ (งานเฉพาะค่าแรง) ของ บมจ.อิตาเลียน ไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ ระยะเวลาก่อสร้าง 168 วัน และ 3.โครงการ U Delight@Sangson Station เป็นงานเสาเข็มสำหรับงาน อาคาร ของ บจ.แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ระยะเวลาก่อสร้าง 86 วัน

อย่างไรก็ตาม จากการได้รับงานใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) รอรับรู้รายได้ จำนวน 950 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 90% นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลงานใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลงานฐานรากมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท คาดมีโอกาสที่จะชนะได้งานดังกล่าวประมาณ 20-30% และประมูลงานก่อสร้างเพิ่มเติมอีกมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะมีโอกาสชนะการประมูลประมาณ 20% เข้ามาสนับสนุนงานในมือให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2557 งบการเงินรวม บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 16.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 ส่วนรายได้จาก การรับจ้างสำหรับงวดสามเดือนอยู่ที่ 337.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนประมาณ 72.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.39

“ผลงานไตรมาส 1/2557 ที่ออกมา กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 63% เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น และได้รับงานโครงการต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา สนับสนุนผลงานให้เติบโตอย่างน่าพอใจ และแม้สถานการณ์ในไตรมาส 2/2557 ซึ่งเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว และก่อนหน้านี้ปัญหาทางการเมืองยังไม่ชัดเจนนั้น ส่งผลกระทบต่อการออกโครงการใหม่ๆ แต่มองว่าผลกระทบดังกล่าวเป็นเพียงระยะสั้น มั่นใจภาพรวม PYLON ทั้งปียังเติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ หากในช่วงครึ่งปีหลังงานเข้ามาเพิ่มเติมจากนี้อีก มีลุ้นทำผลงานได้เกินเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้ที่วางไว้ คาดจะเติบโตอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท” นายบดินทร์กล่าว

อนึ่ง บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานฐานรากงาน แบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้ คือ 1.งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และโครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ เสาเข็มเจาะยังลดมลพิษเรื่องเสียง และแรงสั่นสะเทือน เมื่อเทียบกับการใช้เสาเข็มตอกการก่อสร้างเสาเข็มเจาะนั้นสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้จากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 50 เซนติเมตร จนถึงมากกว่า 1 เมตรขึ้นไป และทำได้ถึงความลึกมากกว่า 60 เมตร ขึ้นอยู่กับการออกแบบกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่

2.งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้แก่โครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนักมากขึ้น และป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ และ 3.งานก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม (Diaphragm Wall) กำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรมเป็นการก่อสร้างกำแพงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนัก และป้องกันการเคลื่อนตัวของดินทางด้านข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น