ฝ่ายวิจัย บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุ แรงขายช่วงนี้ยังมาจากความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงจากสถานการณ์การเมืองไทย หลังนายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่งตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ และตามมาด้วยการถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. ซึ่งต้องรอ ส.ว.พิจารณาถอดถอนอีกครั้งในวันนี้ และให้การสนับสนุน ขณะที่ ครม.ที่เหลือก็เตรียมที่จะเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 20 ก.ค.ตามกำหนดเดิม ส่งผลให้อาจเกิดความรุนแรงระหว่างการชุมนุมของทั้งกลุ่มที่คัดค้าน
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงมาค่อนข้างเร็วของ SET ก็มีสิทธิที่จะทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาหนุนได้ ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ยังค่อนข้างสดใส เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และยอดส่งออกของจีนที่ขยับสูงขึ้น รวมทั้งตอบรับถ้อยแถลงของประธาน ECB ที่ระบุว่า จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งหน้า (ประชุมเดือน มิ.ย.) ดังนั้น จึงยังพอที่จะเลือกหุ้นเข้าซื้อในช่วง SET ปรับลง เพื่อลุ้นเทรดดิ้งตามรอบได้ โดยนักลงทุนยังสามารถเลือกหุ้นเข้าซื้อเพื่อเทรดดิ้งตามรอบได้ในช่วงลบ เพื่อรอขายทำกำไรในจังหวะดีดกลับ โดยเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นไว้ก่อน เพราะโอกาสซื้อต่ำกว่านี้ยังเป็นไปได้ ดัชนีมีแนวรับ 1,377-1,375, 1,371-1,369 จุด แนวต้าน 1,383-1,385, 1,388-1,392 จุด
ขณะที่ นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ระบุการเมืองในประเทศ และภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เริ่มสะดุด ยังคงเป็นประเด็นกดดันตลาดให้มีโอกาสแกว่งถอยลงต่อ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากการเมืองในช่วง 1-2 สัปดาห์ไร้เหตุรุนแรง หรือผ่อนคลายลง ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวจากปัจจัยบวกต่างประเทศ จากความกังวลเศรษฐกิจจีน และความตึงเครียดในยูเครนที่เริ่มลดลง ประกอบกับ ECB ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือนหน้า (QE ของฝั่งยุโรป) ดังนั้น กลยุทธ์ในระยะสั้น ยังคงระมัดระวังและเน้นการซื้อในเชิงตั้งรับ โดยหลังให้รับส่วนหนึ่งที่แนวรับ 1,380 เหลืออีกส่วนมารับแถว 1,340-1,360
โดยเมื่อเวลา 10.12 น.ดัชนีอยู่ที่ 1,380.55 จุด เพิ่มขึ้น 1.53 จุด เปลี่ยนแปลง +0.11% มูลค่าการซื้อขาย 2,550.81 ล้านบาท