เจ.เอส.พี. ผุด 3 โปรเจกต์มูลค่า 15,000 ล้านบาท ชู “เดอะไมอามี่ บางปู” ดันยอดขายปีนี้เข้าเป้า 8,000 ล้านบาท รับอานิสงส์นักลงทุนซื้อยกคอนโดฯ โลว์ไรส์ 7 ตึกเพื่อปล่อยเช่า และทยอยเจรจาเพิ่ม มั่นใจทั้งปีรับรู้รายได้ 3,500ล้านบาท จากโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 1-2 แจงไตรมาสแรกยอดขายต่ำกว่า 30% เหตุการเมือง-ศก.กระทบลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อ
นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 800 ล้านบาทเศษ ส่วนในปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมที่ 3,500 ล้านบาท โดยมียอดขายรวมที่ 8,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวมเพียง 1,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าถึง 30% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคยังชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป
“บริษัทมั่นใจว่ายอดรับรู้รายได้รวมของปีนี้จะเป็นไปตามประมาณการ เพราะมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) จากโครงการสำเพ็ง 2 ในเฟส 1-2 กว่า 4,000 ล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ทั้งหมดของปีนี้จะมาจากโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น ซึ่งครึ่งปีแรกจะทยอยรับรู้รายได้มากที่สุด และในไตรมาสสุดท้ายจะรับรู้รายได้เข้ามาอีก 500-800 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่วางไว้”
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ไตรมาสแรกยอดขายจะไม่เป็นไปตามแผน แต่ด้วยแผนการเปิดขายโครงการใหม่ในไตรมาส 2 รวม 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท จะผลักดันให้ยอดขายทั้งปีเป็นไปตามเป้าแน่นอน โดยโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะไมอามี่ บางปู โครงการมิกซ์ยูส คอมมูนิตีมอลล์ผสมคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 90 อาคาร บนเนื้อที่ 120 ไร่ จำนวนกว่า 5,000 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 849,000-900,000 บาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท จับกลุ่มพนักงานบริษัทในนิคมอุตสาหกรรม และพนักงานบริษัทในพื้นที่ใกล้เคียง เริ่มเปิดขาย 1 พ.ค.นี้ คาดว่าในวันเปิดการขายจะสามารถสร้างยอดขายได้ว่า 30% หรือกว่า 1,500 ยูนิต และจะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้
“ที่บริษัทมั่นใจเนื่องจากราคาที่ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ประกอบกับการขายแบบยกล็อตในแก่นักลงทุน จะส่งผลให้สามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น โดยขณะนี้มีนักลงทุนซื้อยกล็อตเพื่อปล่อยเช่าแล้ว 7 อาคาร และอยู่ระหว่างเจรจาเพิ่มเติม”
ส่วนโครงการที่ 2 และ 3 ที่จะเปิดขายวันที่ 1 พ.ค.นี้ คือ โครงการทิวลิปสแควร์ อ้อมน้อย โครงการมิกซ์ยูส คอนโดฯ จำนวน 8 ชั้น 7 อาคาร จำนวน 1,030 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.05 ล้านบาท และอาคารพาณิชย์ และชอปปิ้งมอลล์ มูลค่า 1,800ล้านบาท และโครงการสุดท้าย โครงการสำเพ็ง 2 รูปแบบทาวน์เฮาส์ผสมอาคารพาณิชย์ มูลค่า 7,500 ล้านบาท โดยจะเปิดขายในเฟสที่ 3 และ 4 หลังจากประสบความสำเร็จกับเฟส 1-2 ซึ่งอยู่ระหว่างทยอยโอนในปีนี้