ผู้ถือหุ้น “แอร์โรว์ ซินดิเคท” พร้อมใจอนุมัติรับเงินปันผลงวดปี 56 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท กำหนดวันรับทรัพย์ 27 พฤษภาคมนี้ ไฟเขียวเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เป็น 203 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 3 ล้านหุ้น รองรับ ESOP-W1 แจกฟรีพนักงาน “ธานินทร์ ตันประวัติ” แย้มทำผลงานปีนี้โตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 13-15% พร้อมลุยปรับแผนธุรกิจสร้างความแข็งแกร่งในอนาคต
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2557 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2556 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.15 บาท เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 คงเหลือจ่ายในงวดนี้อีกหุ้นละ 0.20 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 6 พฤษภาคม 2557 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นบริษัทยังมีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 200,000,000 ล้านบาท เป็น 203,000,000 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 3,000,000 หุ้น ในมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่บริษัทจะจัดสรรให้แก่พนักงาน (ESOP-W1) โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งกำหนดการใช้สิทธิในอัตรา ESOP 1 หน่วย ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน และกำหนดอายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ส่วนราคาในการใช้สิทธินั้นอยู่ที่ 5.60 บาทต่อหุ้น วันเสนอขายคือ วันที่ 1-4 กรกฎาคม 2557
“ที่ผ่านมาทีมผู้บริหารของ ARROW มุ่งมั่น และทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อนำพาธุรกิจของบริษัทให้มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น และก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักยภาพ ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทีมผู้บริหารขอสัญญาว่าจะยังคงร่วมกันผลักดันธุรกิจให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว และเติบโตไปด้วยกัน”
กรรมการผู้จัดการบริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัว แต่บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปียังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโตเฉลี่ยประมาณ 13-15% จากปี 2556 เนื่องจากยอดขายที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการปรับแผนธุรกิจ โดยหันมารับงานติดตั้งงานท่อลมในระบบปรับอากาศ ขณะเดียวกัน ยังได้เจาะตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะที่พม่า และลาวที่ยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์กลุ่มท่อก่อสร้างยังขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดี อีกทั้งยังได้เพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่อร้อยสายไฟใต้ดิน เพื่อเทรดดิ้งให้แก่กลุ่มลูกค้าโครงการต่างๆ ซึ่งทำให้บริษัทมียอดขาย และปริมาณงานเพิ่มขึ้น ประกอบกับช่วงไตรมาส 2/2557 นี้ โรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ขนาด 2,800 ตารางเมตร จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยเสริมกำลังการผลิตท่อร้อยสายไฟ และท่อระบบปรับอากาศได้อีกประมาณ 30%
