น.ส.อรลักษณ์ วงศ์มาศา นักวิเคราห์ บล.เคจีไอ คาดการณ์ความเคลื่อนไหว SET50 น่าจะแกว่งตัวขึ้นแบบผันผวน โดย M14 จะยังคงได้รับผลกระทบจากเงินปันผลส่งผลให้ซื้อขายต่ำกว่า SET50 ราว 2 จุด เนื่องจากวานนี้แกว่งขึ้นได้ต่อเนื่องโดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ระยะสั้นที่ 962.9 ใกล้กับแนวต้านที่ให้ไว้ที่ 963 ก่อนที่จะสลับลงแรงทิศทางระยะสั้นๆ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิใน SET +1887ล้านบาท ส่วนในตลาด TFEX ต่างชาติซื้อสุทธิ -103 สัญญา
พร้อมแนะนำกลยุทธ์ Trading Long ในระหว่างวัน โดยแนะนำให้เปิด Long ช่วงชะลอลงที่แนวรับ 955/952 เพื่อปิดสถานะช่วงดีดฟื้นขึ้น โดยหากหลุดต่ำกว่า 952 ปิดสถานะ Stop loss ออกไปก่อนสำหรับคนถือ Long ไว้ สำหรับคนที่ถือ Long ไว้ก่อนหน้านี้อาจจะได้ปิดสถานะที่แนวต้านที่ให้วานนี้ที่ 963 และอาจได้เปิด Long ใหม่ต้นทุนที่ 956 แนะนำให้ปิดสถานะที่ 962/968 หรือหากหลุดต่ำกว่า 952
โดยปัจจัยที่ต้องพิจารณา คือ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกต่อเนื่อง จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ในวันนี้ให้จับตาประเด็นศาลรัฐธรรมนูญจะให้รักษาการนายกฯ เลื่อนชี้แจงในคดีนายถวิล เปลี่ยนศรี ได้หรือไม่ ทั้งนี้ KGI คาดศาลจะให้เลื่อนไปชี้แจงได้ในช่วงต้นเดือนพ.ค. ทำให้ช่วงนี้เป็นเพียงช่วงรอคำตัดสินของศาลต่อไป และคาดยังไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงจนกว่าจะศาลจะมีคำตัดสินออกมา
นอกจากนี้ วันนี้เวลาราว 14.30 น.จะมีผลการประชุมคณะกรรมการ กนง. ซึ่งจะพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ KGI คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2 % สอดคล้องกับ Consensus ที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดน่าจะรับรู้เรื่องประเด็นนี้ไปแล้ว ตลาดยังน่าจะมุ่งความสนใจไปที่ทิศทาง Fund Flow มากกว่า โดย Fund flow ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องทั้งในตลาดหุ้น ทำให้ประเมินว่าทิศทางยังคงจะปรับขึ้นได้ต่อเนื่องแต่เป็นแบบผันผวนและจำกัด โดยมีปัจจัยระยะสั้นที่ต้องติดตามคือความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ
และในเช้าวันนี้มีตัวเลข HSBC ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนประจำเดือน เม.ย.โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 48.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 48 แต่ยังถือว่าต่ำกว่าระดับ 50 นอกจากนี้ ในคืนนี้จะมีตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ เดือนมี.ค. โดย Bloomberg consensus คาดไว้ที่ 455,000 ยูนิต เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ 440,000 ยูนิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยุโรป คาดการณ์ที่ 53 และของสหรัฐฯ คาดการณ์ที่ 56
