“ไนท์แฟรงค์” เผยผลสำรวจตลาดคอนโดฯ เมืองขอนแก่น พบ 6,803 หน่วย เปิดขายตั้งแต่ปี 54-56 ขายได้แล้ว 74.9% 5,096 หน่วย เหลือขาย 1,707 หน่วย ห้องชุดที่ขายดีสุดราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ขนาด 1 ห้องนอน รองลงมา สตูดิโอ ทำเลกลางเมือง รอบ ม.ขอนแก่น ส่วนราคาเกิน 2 ล้านบาท ขายยาก คนหันซื้อทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวนอกเมืองแทน
ตลาดคอนโดมิเนียมในขอนแก่นเริ่มมีการพัฒนาเมื่อ 4-5 ปีก่อน แต่ที่เริ่มมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วอยู่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า มีนักลงทุน และนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่จากส่วนกลางเข้ามาลงทุนที่ขอนแก่นหลายราย เช่น บริษัท ซี พี แลนด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมกัลปพฤกษ์ และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) พัฒนาโครงการ เดอะ เบส เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีนักพัฒนาคอนโดมิเนียมท้องถิ่นของขอนแก่นที่ทำการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในขอนแก่น ได้แก่ บริษัท พิมานกรุ๊ป จำกัด ซึ่งได้ทำการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่หลายบริเวณในขอนแก่น เช่น เมโทรคอนโด ตั้งอยู่ใกล้ห้างเซ็นทรัล พลาซา ขอนแก่น นอร์ทพาร์คคอนโดมิเนียม ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซิตี้พาร์ค คอนโดมิเนียม ตั้งอยู่บนถนนศรีจันทร์ และยังมีอีกหลายโครงการ ส่วนกลุ่มริเวนเดล ได้พัฒนาทั้งโครงการคอนโดมิเนียม และอพาร์ตเมนต์ให้เช่า โดยโครงการโดยส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้จะมีสถานที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น
นายสุรศักดิ์ ลิมปอารยะกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ณ สิ้นปี 2556 จำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในขอนแก่นตั้งแต่ช่วงปี 2554-2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,803 หน่วย โดยในปี 2556 พบว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากที่สุด 3,284 หน่วย ส่วนใหญ่เปิดขายในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 2,155 หน่วย ครึ่งปีหลังเหลือเพียง 1,129 หน่วย ทั้งนี้ เป็นเพราะสถานการณ์การเมืองไทยที่ไม่ปกติ สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว รูปแบบห้องส่วนใหญ่เป็นแบบ 1 ห้องนอน มี 3,961 หน่วย คิดเป็น 58% รองลงมา ห้องสตูดิโอ 2,113 หน่วย
จากการสำรวจพบว่า บริเวณที่มีคอนโดมิเนียมกระจุกตัวหนาแน่น คือ บริเวณกลางเมือง มีจำนวน 2,823 หน่วย คิดเป็น 42% รองลงมาบริเวณรอบมหาวิทยาลัยขอนแก่น และบริเวณใกล้บึงหนองโคตร จำนวน 1,934 หน่วย และ 1,511 หน่วย ตามลำดับ
ทั้งนี้ ตลาดคอนโดมิเนียมในขอนแก่น มียอดขายที่ค่อนข้างดี ซึ่งจากการสำรวจพบว่า โครงการที่เปิดขายระหว่างปี 2554-2556 มีจำนวนหน่วยขายไปได้แล้ว 5,096 หน่วย จากทั้งสิ้น 6,803 หน่วย 74.9% เหลือขาย 1,707 หน่วย จำนวนหน่วยขายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 1,699 หน่วยต่อปี โดยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน เป็นที่นิยมสูงสุด ขายไปได้ถึง 3,008 หน่วย รองลงมาได้แก่ ห้องพักแบบสตูดิโอ ขายไป 1589 หน่วย ห้องพักแบบ 2 ห้องนอน มีจำนวนหน่วยขาย 491 หน่วย กล่าวได้ว่า ตลาดคอนโดมิเนียมของขอนแก่นนิยมห้องพักที่มีขนาดเล็กคือ สตูดิโอ และ 1 ห้องนอน หากเป็นห้องพักขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2 ห้องนอนเป็นต้นไป คนนิยมไปซื้อทาวเฮาส์ หรือบ้านมากกว่าเพราะระดับราคาใกล้เคียงกัน
ในส่วนบริเวณพื้นที่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของคอนโดมิเนียมในขอนแก่น คือ บริเวณกลางเมือง เนื่องจากเป็นบริเวณที่ตั้งของหน่วยราชการต่างๆ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และตลาด ซึ่งเป็นแหล่งงาน แหล่งอำนวยความสะดวก และการเดินทางที่สะดวก โดยมีจำนวนหน่วยขายสูงถึง 2,016 หน่วย รองลงมาได้แก่ บริเวณรอบมหาวิทยาลัย ซึ่งมีหน่วยขาย 1,614 หน่วย
สำหรับระดับราคาขายคอนโดมิเนียมในขอนแก่น มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 50,322 บาทต่อตารางเมตร โดยบริเวณที่มีระดับราคาขายสูงที่สุดคือ ทำเลบึงแก่นนคร มีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 54,000 บาท/ตร.ม. ไปจนถึง 100,000 บาท/ตร.ม. เป็นบริเวณที่อยู่อาศัยที่มีระดับราคาแพง มีโครงการบ้านเดี่ยวราคาแพง 6-9 ล้านบาทต่อหน่วย ประมาณ 1,800 หลังคาเรือน เป็นบริเวณที่มีความเป็นส่วนตัว มีวิวของบึงแก่นนคร คอนโดมิเนียมในบริเวณนี้จะตั้งอยู่รอบบึงแก่นนคร โครงการที่มีระดับราคาขายแพงที่สุดคือ โครงการกันยารัตน์ เลควิว เป็นอาคารสูง 12 ชั้น มีการพัฒนาคอมมูนิตีมอลล์ อยู่ด้านหน้าโครงการด้วย
ทำเลที่มีราคาขายคอนโดมิเนียมสูงเป็นอับดับ 2 คือ บริเวณกลางเมือง มีราคาขายเริ่มต้นที่ 33,000 บาทต่อตารางเมตร ไปจนถึงสูงสุด 97,828 บาทต่อตารางเมตร โดยโครงการที่มีราคาขายสูงที่สุด คือ โครงการ เดอะ เบส ถนนศรีจันทร์ เป็นอาคารสูง 8 ชั้น เปิดขายปีนี้ สาเหตุที่โครงการนี้ขายแพงเนื่องจากซื้อที่ดินมาในราคาแพง โครงการนี้จึงมีราคาขายแพงกว่าโครงการอื่นของแสนสิริ เดอะเบส เทพารักษ์ หรือแม้แต่เดอะเบส ไฮท์ ที่อยู่ใกล้เซ็นทรัล
ทำเลที่มีราคาขายสูงเป็นอันดับที่ 3 คือ บริเวณรอบบึงหนองโคตร มีระดับราคาขายคอนโดมิเนียม เริ่มต้น 31,971- 80,000 บาทต่อตารางเมตร โดยโครงการที่มีระดับราคาขายสูงที่สุดในบริเวณนี้ คือ เมโทร อาคารดี ราคา 80,000 บาทต่อตารางเมตร โดยทางผู้พัฒนาสร้างอาคารนี้ให้เป็นอาคารแบบพรีเมียม มีความเป็นส่วนตัว มีจำนวนหน่วยห้องพักเพียง 46 หน่วย และห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาดใหญ่ 2-3 ห้องนอน ราคาขายรวมตกแต่งเฟอร์นิเจอร์
บริเวณที่มีระดับราคาขายคอนโดมิเนียมถูกที่สุด คือ บริเวณรอบมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 29,277 บาทต่อตารางเมตร ไปจนถึง 57,000 บาทต่อตารางเมตร บริเวณนี้จับกลุ่มผู้ซื้อคือ ผู้ปกครองของนักศึกษาที่ซื้อห้องพักเพื่อให้บุตรหลานพักในช่วงที่ศึกษา หากบุตรหลานจบก็จะนำห้องพักมาปล่อยเช่าให้แก่นักศึกษาต่อไป หรืออาจจะขายต่อให้แก่ผู้ปกครองรายอื่น
สำหรับราคาห้องพักแต่ละแบบ พบว่า ห้องพักแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอนในขอนแก่น มีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 690,000 บาทต่อหน่วย และสูงสุดราคาไม่เกิน 4.534 ล้านบาทต่อหน่วย โดยราคาสูงสุดของสตูดิโอ 3.510 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนห้องพักแบบ 2 ห้องนอนเริ่มต้นที่ 1.590-9.397 ล้านบาทต่อหน่วย ห้องพักแบบ 3 ห้องนอนมีระดับราคาขาย ตั้งแต่ 8.4-9.6 ล้านบาทต่อหน่วย โดยพบว่า ห้องพักแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน ที่มีระดับราคาขายอยู่ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะขายค่อนข้างดี ส่วนที่เหลือจะเป็นห้องพักแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน ที่มีระดับราคาขาย 3-4 ล้านบาท ส่วนห้องพักแบบ 2 ห้องนอน ที่ราคาอยู่ในระดับ 2-3 ล้านบาท ก็ยังถือว่าสามารถขายได้ แต่ถ้าหากเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป จะค่อนข้างขายยาก
นายสุรศักดิ์ กล่าวสรุปว่า คอนโดมิเนียมในขอนแก่นมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะบริเวณสถานที่ตั้งบางสถานที่ที่อยู่ใจกลางเมือง หรืออยู่ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น เนื่องจากมีความต้องการซื้อของผู้ที่ทำงาน หรือนักศึกษาที่ย้ายเข้าเรียน หรือแม้แต่นักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า
ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมในขอนแก่นเป็นตลาดที่ซื้อเพื่ออยู่เองเป็นส่วนใหญ่ หากเป็นการลงทุนมักเป็นการลงทุนระยะยาว คือ ซื้อเพื่อสำหรับปล่อยเช่า โดยโครงการที่เหมาะสมสำหรับซื้อเพื่อปล่อยเช่าคือ โครงการที่มีสถานที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตลาดคอนโดมิเนียมที่ขอนแก่นไม่เหมาะต่อการซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือขายต่อ เนื่องจากหากคอนโดมิเนียมนั้นเต็มไปด้วยนักศึกษา สภาพแวดล้อมของโครงการมักจะไม่ต่างจากหอพักนักศึกษา การเก็งกำไรค่อนข้างยาก
นอกจากนี้ คอนโดมิเนียมในขอนแก่น หากมีระดับราคาสูงกว่า 2 ล้านบาท มักขายได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากระดับราคาดังกล่าวใกล้เคียงกับราคาขายทาวเฮาส์ หรือบ้านเดี่ยว ผู้ซื้อจึงมักนิยมซื้อบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์มากกว่า เนื่องจากได้กรรมสิทธิ์ที่ดิน อีกประการหนึ่งคือ การจราจรในขอนแก่นไม่ติดเท่ากับกรุงเทพมหานคร ทำให้คนนิยมซื้อบ้านซึ่งอาจตั้งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เพราะสามารถขับรถเข้ามาทำงานในตัวเมืองได้ และใช้เวลาไม่นาน