“สรรพสามิต” ดิ้นหาเงินจ่ายคืนโครงการ “รถคันแรก” เล็งขอคลัง 1 หมื่นล้าน ยอมรับกระเป๋าฉีก เหลือเงินไม่พอจ่ายประชาชน กังวลปิดโครงการไม่ลง
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงกรณีที่เหลือเงินจ่ายคืนผู้ที่ได้สิทธิในโครงการรถยนต์คันแรก 9.21 พันล้านบาท ว่า กรมได้หารือไปยังกรมบัญชีกลาง และกระทรวงการคลังแล้วว่าเงินที่เหลืออยู่อาจไม่เพียงพอจ่ายจนครบปีงบ 2557 ดังนั้น อาจต้องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเสนอขอใช้เงินงบกลาง หรือเงินคงคลังอีก 1 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นต้องเสนอไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเห็นชอบ เพราะเป็นการขอใช้เงินช่วงรัฐบาลรักษาการ
ทั้งนี้ เดิมทีกรมทำเรื่องขอเงินงบประมาณจ่ายคืนรถยนต์คันแรกในปีงบ 2557 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท แต่ได้รับการจัดสรรมาเพียง 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากเป็นช่วงรัฐบาลปกติสามารถขอใช้เงินคงคลังมาจ่ายให้ไปก่อนเหมือนเมื่อปีงบ 2556 แล้วตั้งงบประมาณคืนในปีถัดไป แต่พอเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ กรมต้องเตรียมพร้อม และหารือไปยังกระทรวงการคลังว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้การจ่ายเงินติดขัด หรือมีปัญหา
“เงินที่เหลืออยู่กว่า 9 พันกว่าล้านบาทนั้น ขณะนี้ไม่แน่ใจว่าจะจ่ายถึงเดือน มิ.ย. หรืออาจจะเลยไปกว่านั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนรถยนต์ที่ถือครองครบกำหนด 1 ปี โดยขณะนี้จ่ายคืนให้เดือนละ 2-4 พันล้านบาท ซึ่งเท่าที่ประเมินยังขาดอีก 1 หมื่นล้านบาท เพื่อจ่ายจนถึงเดือน ก.ย.2557”
ส่วนการจ่ายคืนในช่วงปีงบ 2558 ที่เริ่มในเดือน ต.ค.2557 นั้น เชื่อว่าสำนักงบประมาณจะมีทางออกในเรื่องนี้ เพราะการจัดทำงบปี 2558 ยังไม่สามารถจัดทำได้ช่วงรัฐบาลรักษาการ ซึ่งเท่าที่กรมประเมินต้องใช้เงินจ่ายคืนผู้ที่ได้สิทธิรถยนต์คันแรก 1.5 หมื่นล้านบาท ลดลงจากเดิมที่เคยประเมินไว้ว่าจะต้องใช้เงิน 2.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีผู้ที่ไม่ยอมมารับรถยนต์ และคาดว่าจะสละสิทธิประมาณ 1 แสนราย ทำให้ประหยัดงบได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน เม.ย.หลังสงกรานต์ จะเชิญค่ายรถยนต์มาสรุปโครงการรถยนต์คันแรกอีกครั้ง โดยจะหารือถึงกรณีที่ผู้จองสิทธิไม่ยอมมารับรถยนต์ 1 แสนรายด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อที่กรมจะได้ปิดโครงการได้