ประธานสมาคมธนาคารไทย เชื่อเศรษฐกิจไทยไม่ซ้ำรอยวิกฤตปี 40 และปี 53 ภาคส่งออกขยายตัวดีขึ้นตามตลาดโลก ยอมรับการใช้จ่ายภายในประเทศมีการชะลอตัวลงในระดับหนึ่ง
นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังสามารถขยายตัวได้ในระดับหนึ่ง ไม่เกิดปัญหาเช่นเดียวกับวิกฤตในปี 2540 และในปี 2553 โดยคาดว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จะมีสภาพใกล้เคียงกับไตรมาสแรก และจะสามารถฟื้นตัวได้ตามภาคส่งออก สามารถขยายตัวตามแรงของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ทำให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศยอมรับว่ามีการชะลอตัวลงในระดับหนึ่ง เป็นผลมาจากไม่มีการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ และการท่องเที่ยวในประเทศที่ซบเซา
ทั้งนี้ แม้ปัญหาภายในประเทศขณะนี้อยู่ในระดับหนึ่ง แต่เชื่อว่าสามารถรับมือได้ โดยภาคเอกชนมองถึงเรื่องโครงสร้างของประเทศในระยะยาวมากกว่า เพื่อให้ประเทศสามารถพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และก้าวหน้า นำเป็นอันดับหนึ่งคู่แข่งอาเซียนได้ ดังนั้น ปัญหาของประเทศไทยเป็นปัญหาระยะยาวมากกว่าปัญหาระยะสั้น
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 จะดีกว่าไตรมาสแรก จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ความแข็งแกร่งของสถาบันการเงินทำให้ภาวะการส่งออกไม่มีปัญหาสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 4-5 ตามที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เอาไว้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองส่งผลกระทบต่อภาพรวมการขยายตัวเศรษฐกิจลดลงโดยจะขยายตัวได้ต่ำกว่าร้อยละ 3 ส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านให้ชะลอตัวลงตามไปด้วยเพราะต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจไทยจากการค้าชายแดน โดยการค้าชายแดนที่ตั้งเป้าว่า จะมียอดรวม 1 ล้านล้านบาท ในปีนี้ อาจลดลงต่ำกว่าเป้าหมายได้โดยคาดว่า จะอยูในระดับเพียง 900,000 ล้านบาท
การค้าชายแดน เช่น สระแก้ว จันทบุรี มีด่านถาวร 2 ด่าน ทำรายได้กว่า 20,000 ล้านบาท จึงโอกาสเติบโต มีด่านชั่วคราว 3 ด่าน หากเปิดถาวรได้จะเสริมการค้าได้อีกมากก ดังนั้น การค้าชายแดนคงขยายตัวได้
ด้านการท่องเที่ยวผลจากการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลให้ต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ภาพรวมการท่องเที่ยวจึงน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่การท่องเที่ยวภายในของคนไทยยังไม่ดีขึ้น ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยคนไทยใช้บริการยังไม่ฟื้นตั้ว
