ปลัดกระทรวงการคลัง เรียกผู้บริหารระดับสูงหารือแนวทางจัดเก็บภาษีหลังครึ่งปีแรกเก็บไม่ถึงเป้า และอาจจะต้องมีการพิจารณาถึงมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากประมาณการล่าสุด GDP ในปีนี้เหลือเพียง 2.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4% ยันไม่ปรับขึ้น VAT เป็น 10% แน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (31 มี.ค.) นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เช่น ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ อธิบดีกรมจัดเก็บภาษี พร้อมทั้งรองปลัดกระทรวง และผู้ตรวจราชการ หารือถึงสถานการณ์แนวโน้มการจัดเก็บภาษีในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2557 ภายหลังการจัดเก็บภาษีของกรมจัดเก็บภาษี ประกอบด้วย กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณต่ำกว่าเป้าหมาย 38,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ในที่ประชุมอาจมีการหารือถึงการเตรียมความพร้อมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ด้วย เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันทีหากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และอาจจะต้องมีการพิจารณาถึงมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากประมาณการล่าสุดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือ GDP ในปีนี้เหลือเพียงร้อยละ 2.6 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4
นายรังสรรค์ ยอมรับว่า ตอนนี้กระทรวงการคลังพยายามติดตามการจัดเก็บรายได้ และจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ได้มอบหมายส่วนราชการมีช่องโหว่อะไร ที่จะสามารถปิดรอยรั่ว
โดยในช่วงต้นปี 2557 ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ปรับลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังไม่ต่ำมากนัก สะท้อนว่าผู้บริโภคยังมีกำลังซื้ออยู่ในเกณฑ์ที่ดีในระดับหนึ่ง
นายรังสรรค์ ยืนยันว่า จะยังไม่มีการปรับเพิ่ม VAT หลังสิ้นสุดระยะเวลาในเดือน ก.ย.57 นี้ และได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปศึกษาว่าจะคงอัตราเก็บ VAT ในอัตรา 7% ได้อีกนานเพียงใด เพราะหากมีการปรับเพิ่มจะกระทบต่อผู้ประกอบการจำนวนมาก
ส่วนภาษีอื่นๆ เช่น ภาษีบุคคลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล มีการปรับตัวลดลงพอสมควร เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการปรับโครงสร้างอัตราภาษี นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างหารือบริษัทเอกชน 3-4 แห่ง เช่น บริษัท ไพร์ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส บริษัทแมคเคนซี่ และบริษัทเคพีเอ็มจี เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี คาดว่าภายใน 3 เดือนน่าจะได้ข้อสรุป