ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยืนยัน ศก.ไทยแข็งแกร่ง ยังไม่ถึงขั้นน่าเป็นห่วง แม้เสี่ยงถูกหั่นเป้า “จีดีพี” ปี 57 พร้อมระบุไทยยังมีอัตราการว่างงานและเงินเฟ้อต่ำ มั่นใจ “บจ.” ยังคงมีพื้นฐานการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อผลดำเนินงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มาร์เกตแคปทำลายสถิติ 2 ปีซ้อน เผยไอพีโอจ่อเข้าตลาดอื้อ
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีที่หลายหน่วยงานเตรียมจะะออกมาประเมินเศรษฐกิจไทย กำลังน่าเป็นห่วง และมีการปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองในประเทศ และแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ตลอดจนอัตราการว่างงานที่ต่ำ
นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากปัจจัยผลกระทบด้านเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับลดมาตรการการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ (คิวอี) ของทางสหรัฐฯ และการเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
อย่างไรก็ตาม แม้หลายฝ่ายจะปรับลดประมาณการจีดีพีลง แต่หากมองบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ของไทยยังคงมีพื้นฐานการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับไทยยังมีอัตราการว่างงาน และเงินเฟ้อต่ำ ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยไม่น่ากังวลเหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์
ทั้งนี้ ตลท. ตั้งเป้าการระดมทุนผ่านหุ้นไอพีโอในปีนี้เอาไว้ที่ระดับ 2.1 แสนล้านบาท ซึ่งในตอนนี้มีบริษัทที่เข้ามาประมาณ 1.5 แสนล้านบาท และยังเหลืออีก 7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันเรามีบริษัทที่รอเข้าตลาดหุ้นอีกประมาณ 14 บริษัท รอเข้าซื้อขายภายในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งรวมกับที่ค้างอยู่ที่ ก.ล.ต.และที่ยังไม่กำหนดวันซื้อขายอีกประมาณแสนกว่าล้านบาท เพราะฉะนั้นเราก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
“ปีที่แล้วที่ใครๆ อาจจะมองว่ามันแย่ แต่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็สูงสุด การจ่ายปันผลก็จ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว จ่ายปันผลแค่ 3 หมื่นล้านบาททั้งอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันเราอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท เรามีการเติบโต ดัชนีโตขึ้น จำนวนบริษัทจดทะเบียนก็เพิ่มขึ้น มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น”
นายชนิตร ยังแสดงความมั่นใจด้วยว่า การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งดูได้จากปีที่ผ่านมา เราตั้งเป้าการเพิ่มมาร์เกตแคปไว้ที่ระดับ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเราก็ทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ และสูงสุดในอาเซียนด้วย มูลค่าการระดมทุนเราตั้งไว้ประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท ก็เกินเป้าเช่นกัน
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 7 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เรายืนเหนือสิงคโปร์ ที่อยู่อันดับ 9 และเป็นครั้งแรกที่มูลค่าการระดมทุนของเราสูงสุดในอาเซียนด้วยเช่นกัน