xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดเช้าลบ 1 จุด ช่วงบ่ายผันผวนต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิเคราะห์ระบุช่วงบ่ายดัชนียังคงผันผวนสลับทั้งแดนบวก-ลบ เพราะปัจจัยหลักยังอยู่ที่ต่างประเทศ

ดัชนีปิดช่วงเช้าที่ 1,359.92 จุดลดลง 1.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,338.79 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง -0.11% โดยดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,364.15 จุด และต่ำสุดที่ 1,355.76  จุด

นายกวี ชูกิจเกษม  รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเช้า แม้ว่าตลาดอาจมี rebound ระยะสั้นขึ้นมา แต่ปัจจัยกดดันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 1) การเมืองในประเทศ ที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติออกมาแล้วว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 57 ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ก็ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์ของตลาด  2) การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลัง Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ซึ่งอาจกดดันให้ต่างชาติขายหุ้นในเอเชีย  3) สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน  และ 4) ปัญหาหนี้ และการชะลอตัวเศรษฐกิจจีน ที่ตลาดยังไม่รับรู้ข่าวมากนัก

 พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวช่วงบ่ายว่า ดัชนีฯ จะยังคงผันผวนเชิงบวกโดยตลาดอาจติดลบเป็นบางช่วง  แต่ถือเป็นโอกาสดีสำหรับสะสมหุ้น เพราะการปรับลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE เริ่มมีผลกระทบค่อนข้างน้อยแล้ว เนื่องจากระยะยาวจะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญคือ นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ถ้าตลาดลงก็ควรเลือกหุ้นเก็บสะสม รอขายแนวต้านใกล้ 1,390-1,400 จุด ทำกำไรพอควรก่อน ดังนั้น ที่ให้ทยอยขายทำกำไรไปที่ 1,380 ให้รอซื้อที่แนวรับ 1,330 +/- ส่วนการเก็งกำไรเน้นหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
 
สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ ที่คาดการณ์ความเคลื่อไหวดัชนีฯ ช่วงบ่ายว่า  ยังคงเคลื่อนไหวผันผวนเช่นเดียวกับช่วงเช้า เพราะปัจจัยหลักยังคงเป็นความกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศยังกดดันต่อเนื่องเพราะยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้  ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศวันนี้ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี คลายความกังวลนักลงทุนเรื่องเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด แต่ยังต้องจับตาปัญหายูเครน ที่มีความเสี่ยงตึงเครียดเพิ่มขึ้นได้ หลังรัสเซีย และสหรัฐฯ แซงก์ชันตอบโต้กัน แม้มาตรการยังจำกัดอยู่ในกลุ่มบุคคลสำคัญ แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะบานปลายมาขึ้น ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างยูเครน กับรัสเซีย เริ่มตึงเครียดขึ้นจากระดับการเมืองสู่ระดับทหารแล้ว หลังจากที่มีทหารยูเครนเสียชีวิตในไครเมีย 1 นาย ด้านอียูเตรียมแผนการที่จะใช้พลังงานจากแหล่งทดแทนการนำเข้าน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย (จากนำเข้าน้ำมันดิบ 35% และก๊าซ 32% จากรัสเซียในปี 2010) ให้เสร็จในกลางปีนี้ สะท้อนความขัดแย้งมีอาจบานปลายขึ้นอีกในอนาคต

พร้อมแนะนะกลยุทธ์ : Trading รายหลักทรัพย์ ในกรอบ 1,340-1,370 จุด และขายตัดขาดทุนหากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1,340 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น