หุ้นเด้ง 14 จุด วอลลุ่มเริ่มหนา 3.66 หมื่นล้าน คาดรับข่าวเม็ดเงินไหลกลับเอเชีย-เอมเมอจิ้นมาร์เกต ต่างชาติซื้อดุกว่า 2 พันล้าน ขณะที่ผลกระทบจากปัจจัยลบในประเทศตลาดได้รับรู้ไปมากแล้ว แต่การไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ส่วนประเด็น พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านล่ม ก็ไม่เหนือความคาดหมาย
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 มี.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,370.50 จุด เพิ่มขึ้น 14.08 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.04% มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างหนาแน่นถึง 36,630.06 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลให้ดัชนีปรับขึ้นทดสอบที่ระดับ 1,370 จุด
ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนแยกตามประเภทมีดังนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 2,056.46 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 66.3 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 2,972.13 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 849.37 ล้านบาท
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ถึง 14 จุด เพราะได้แรงหนุนจากสัญญาณเม็ดเงินไหลเข้าตลาดในภูมิภาค และตลาดหุ้นเกิดใหม่ ขณะที่ผลกระทบจากปัจจัยลบในประเทศตลาดได้รับรู้ไปมากแล้ว ส่วนประเด็น พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านล่ม ก็ไม่เหนือความคาดหมาย และภาคเอกชนส่วนใหญ่ก็มีการเตรียมแผนรับความเสี่ยงอยู่แล้ว โดยเฉพาะธุรกิจที่อิงกับนโยบายทางการเมือง
นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมีโก้ ยอมรับว่า ดัชนีปรับขึ้นชนแนวต้านแรก 1,370 จุด โดยได้รับปัจจัยหนุนหลายประการ คือ ตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การเลือกหุ้นรายตัวรับปันผลมีอย่างต่อเนื่อง เงินลงทุนต่างชาติยังอยู่ในตลาดหุ้นซึ่งซื้อมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม และการลดดอกเบี้ย 0.25% กระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลดีต่อตลาดหุ้น
ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนไปทาง positive มองว่าน่าจะเป็นผลจากความคาดหวังการประชุมสภาประชาชนของจีนจะมีเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาบ้าง ทำให้ตลาดฯ ในช่วงเช้าปรับตัวดีขึ้น แต่พอในช่วงบ่ายเห็นว่าไม่ได้มีอะไร ตลาดก็เลยนิ่งๆ ประกอบกับตัวเลข Industrial Production ของจีนออกมาต่ำกว่าคาดด้วย ทำให้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลงจากช่วงเช้าเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน และเศรษฐกิจของจีน ต่อไป
ส่วนตลาดบ้านเรายังมีแรงหนุนจากเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะหมดอายุลง ซึ่งคาดหวังว่าคงจะปล่อยให้หมดอายุไปโดยไม่มีการต่ออายุ อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเราได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว และขณะนี้ก็ยังไม่ผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,370 จุดได้ นักลงทุนจึงควรระมัดระวังการลงทุนด้วย โดยแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะมีแรงขายทำกำไรมากขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,350-1,360 จุด แนวต้าน 1,370-1,380 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,275.81 ล้านบาท ปิดที่ 7.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,917.04 ล้านบาท ปิดที่ 217.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,701.14 ล้านบาท ปิดที่ 22.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,467.12 ล้านบาท ปิดที่ 177.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,352.45 ล้านบาท ปิดที่ 196.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท