xs
xsm
sm
md
lg

“JMART” มองเทรนด์มือถือปี 57 ยังแรงต่อไม่หยุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“JMART” เล็งขยายสาขาในพม่าอีกกว่า 30 สาขา มั่นใจรายได้ทั้งปีทั้งเจมาร์ท “JMT” และ “เจเอเอส แอสเซ็ท” โตต่อเนื่องตามพื้นฐานธุรกิจที่ยังขยายตัว คาดเจมาร์ท กรุ๊ป มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 35% ส่วนกำไรสุทธิของทั้งกลุ่มเติบโตอีก 25% จากปี 2556 พร้อมเดินหน้านำ JAS เข้าจดทะเบียนใน SET ประมาณไตรมาส 2/2558

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปี 2557 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เหตุหลักจากภาพรวมตลาดมือถือในประเทศที่ค่อนข้างคึกคัก หลังผู้ให้บริการโครงข่ายในประเทศดำเนินการทางการตลาดและออกโปรโมชันต่างๆ เพื่อเร่งให้ผู้ใช้บริการเปลี่ยนมาเป็นระบบ 3G สนับสนุนให้เจมาร์ทมียอดขายเติบโตขึ้น อีกทั้งบริษัทลูก ประกอบด้วย บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) คาดว่าในปีนี้จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากธุรกิจการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด มีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มพื้นที่ให้เช่า รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่ศูนย์การค้าชุมชน และนอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนให้ภาพรวม เจมาร์ท กรุ๊ป เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จึงตั้งเป้าหมายผลประกอบการรวมทั้งกลุ่มในปี 2557 เจมาร์ท กรุ๊ป มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35 จากปี 2556 อยู่ที่ 9,665.11 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิของทั้งกลุ่มจะเติบโตประมาณร้อยละ 25 จากปี 2556 อยู่ที่ 400.19 ล้านบาท

CEO JMART ยังกล่าวถึงแผนการนำ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด หรือ JAS ที่ JMART ที่ถือหุ้นร้อยละ 99.99 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) รวมทั้งผู้ถือหุ้น ของเจมาร์ท ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 50,000,000 บาท เป็น 320,390,000 บาท โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นได้ในช่วงไตรมาส 2/2558 เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และรองรับการขยายตัวในอนาคต ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นของ JAS จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของเจมาร์ท ใน เจเอเอส ลดลงเหลือสัดส่วนร้อยละ 67.50 ของทุนจดทะเบียนของเจเอเอส

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 295 สาขา จากเมื่อสิ้นปี 56 อยู่ที่ 250 สาขา ตามภาพรวมตลาดมือถือในปีนี้ คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากในปัจจุบัน มือถือมีบทบาทสำคัญ และกลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต จากการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง จากการออกมือถือรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแข่งขันอย่างรุนแรงของค่ายมือถือต่างๆ จากการพัฒนาโครงข่ายสัญญาณมือถือในประเทศ ที่ทยอยเปลี่ยนมาใช้ระบบ 3G ส่งผลให้ค่ายมือถือมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ในการออกโปรโมชันเพื่อดึงดูดใจลูกค้าส่งผลต่อยอดขายบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน

สำหรับธุรกิจในประเทศพม่า นายอดิศักดิ์ ระบุว่า มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการมุ่งเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสาขาที่ย่างกุ้งทั้งสิ้น 10 สาขา พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มในปีนี้ให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 30 สาขา ตามทิศทางการเติบโตในพม่าที่มองว่ายังมีอยู่อีกมาก เนื่องจากในปี 2556 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเริ่มต้นของการให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ และจะเป็นปีที่ตลาดมือถือในพม่าเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำปี (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556) งบการเงินรวมมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 400.19 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 340.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.38 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.42 เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย และบริการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9,665.11 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,943.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,721.47 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.67 เนื่องจาก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 1,668.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.87 จากปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 330.08 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 216.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.38 เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้ค่าส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 134.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 94.49 เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มธุรกิจมือถือ กลุ่มอุปกรณ์เสริม และกลุ่มผู้ให้บริการโครงข่าย

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการในครึ่งปีหลังของปี 2556 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 62,936,041 บาท และจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 104,893,402 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 104,893,402 บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 18 เมษายน 2557 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2557 โดยในปี 2556 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลรวมหุ้นละ 0.71 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น