MK โชว์ยอดรับรู้รายได้จากการขายและบริการไตรมาสสุดท้ายปี 56 จำนวน 739.57 ล้านบาท เติบโตขึ้น 58.41% ดันรายได้ทั้งปี 2,759.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.05% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิทั้งปี 428.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.95% พร้อมโชว์ความแข็งแกร่งทางการเงินด้วยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเพียง 0.25 เท่า ภาระหนี้ต่ำและสภาพคล่องสูง
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ผู้พัฒนาโครงการ “ชวนชื่น” และ “สิรีนเฮ้าส์” เปิดเผยว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 จำนวน 739.57 ล้านบาท เติบโตขึ้น 58.41% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 466.86 ล้านบาท รวมผลประกอบการประจำปี 2556 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการขายและบริการรวม 2,759.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.05% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยโครงการหลักที่สร้างรายได้ในปีนี้ ได้แก่ เด็น วิภาวดี คอนโดมิเนียม, ชวนชื่นโมดัส เซนโทร, ชวนชื่นเพชรเกษม และชวนชื่นจรัญฯ 3 นับเป็นปีที่บริษัทฯ สร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในปี 2556 บริษัทฯ มีกำไรเบื้องต้น 949.28 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรเบื้องต้น (Gross Profit Margin) 34.40% ลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราส่วนกำไรเบื้องต้น 37.97% สาเหตุหลักมาจากในปีนี้มีการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งกำไรเบื้องต้นต่ำกว่าบ้านเดี่ยว ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในปีนี้อยู่ที่ 430.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 361.89 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้น คือ ภาษีธุรกิจเฉพาะซึ่งแปรผันตามรายได้จากการขาย อย่างไรก็ดี อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A to sales) ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จาก 20.99% เป็น 15.61% อันเป็นผลของรายได้ที่เติบโตมาก บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้ในปีนี้ในอัตรา 20% จากนโยบายที่รัฐบาลลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อชดเชยต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น แต่เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จึงเพิ่มขึ้นจาก 72.63 ล้านบาท เป็น 109.09 ล้านบาท
หลังจากหักดอกเบี้ย และภาษีแล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิประจำไตรมาส 4/2556 จำนวน 116.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.36% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิประจำปี 2556 เท่ากับ 428.56 ล้านบาท คิดเป็น 0.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 63.95% จาก 261.40 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในปีนี้เท่ากับ 15.32% สูงขึ้นจากอัตรา 14.79% ในปีที่ผ่านมา
ในส่วนของสินทรัพย์ลดลง 592.22 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จาก 7,374.84 ล้านบาท เป็น 6,782.62 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการส่งมอบ และรับรู้รายได้คอนโดมิเนียม เด็น วิภาวดีในปี 2556 ทั้งนี้ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดสุทธิเพิ่มจาก 39.26 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 เป็น 194.30 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 สำหรับหนี้สินปรับตัวลดลง 849.79 ล้านบาท จาก 2,352.58 ล้านบาท เป็น 1,502.79 ล้านบาท จากการชำระคืนเงินกู้ยืม ทั้งนี้ เงินกู้ระยะสั้นที่ปรับตัวลดลงจาก 300.13 ล้านบาท เป็น 80.17 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ชำระคืนเงินทุนหมุนเวียนจากตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) เนื่องจากมีสภาพคล่องกระแสเงินสดสูง สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 257.57 ล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมา อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ณ สิ้นปี 2556 จึงปรับตัวลดลงจาก 0.47 เท่าเมื่อสิ้นปี 2555 เป็น 0.28 เท่า ณ สิ้นปี 2556 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net D/E ratio) ลดลงจาก 0.46 เท่า เหลือเพียง 0.25 เท่า ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำมาก ประกอบกับภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย (Interest-bearing debt) ที่ต่ำเพียง 886.29 ล้านบาท และกระแสเงินสดที่มีสภาพคล่องสูง จึงทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่อยู่ในสภาวะชะลอตัวเช่นในปัจจุบัน