“ซีพีเอฟ” ยืนยันธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง เนื่องจากจำหน่ายอาหารพื้นฐาน มั่นใจยอดขายปีนี้โต 10% พร้อมเปิดแผน 5 ปี เน้นตลาดต่างประเทศ 70% ตลาดในประเทศ 30% ส่วนแผนการลงทุนจะเน้นต่างประเทศเป็นหลัก ตั้งงบฯ ปีละ 1 หมื่นล้าน พร้อมแจงไข้หวัดนกไม่มีผลกระทบซีพีเอฟในจีน เนื่องจากผลิตอาหารสัตว์ ไม่ได้ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอลง เห็นได้ชัดในธุรกิจค้าปลีก แต่เชื่อว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น หากสถานการณ์การเมืองคลี่คลายกำลังซื้อจะฟื้นกลับมา หวังว่าปัญหาการเมืองจบลงโดยเร็ว เพราะการเมืองเป็นปัจจัยหลักที่กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ซึ่งประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโตเพียงร้อยละ 3
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ไม่ได้มีผลต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากจำหน่ายอาหารพื้นฐานที่ผู้บริโภคต้องบริโภคทุกวัน ประกอบกับยอดขายของบริษัทมีเพียงร้อยละ 34 ยอดขายในประเทศ ส่วนอีกร้อยละ 66 เป็นยอดขายต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตร้อยละ 10 ตั้งเป้ายอดขาย 450,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 700,000 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 10 ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศร้อยละ 70 ในประเทศร้อยละ 30 พร้อมกันนี้ ยังเน้นลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก โดยสนใจซื้อกิจการมาต่อยอดธุรกิจ โดยมีงบการลงทุนปีละ 10,000 ล้านบาทในแผน 5 ปีข้างหน้า
ส่วนปัญหาไข้หวัดนกระบาดในประเทศจีนนั้น นายดิเรก กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจซีพีเอฟในจีน เนื่องจากซีพีเอฟผลิตอาหารสัตว์ ไม่ได้ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในประเทศจีนแต่อย่างใด