“เอเชียกรีน เอนเนอจี” แจ้งงบปี 56 โชว์ยอดขายถ่านหิน 5,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ขณะมีกำไรสุทธิ 95.44 ล้านบาท เหตุการขยายตลาด ส่งผลออเดอร์ต่างประเทศทะลัก 1 ล้านตัน ด้าน “พนม ควรสถาพร” ตั้งเป้ายอดขายถ่านหินปีนี้ 4 ล้านตัน พร้อมเพิ่มสัดต่างประเทศ 40%
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดปี 2556 (มกราคม-ธันวาคม 2556) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 5,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 4371 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 95.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 2.69 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีปริมาณการขายถ่านหินที่ดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยยอดขายต่างประเทศในปี 2556 อยู่ที่ 1.04 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 95% จากช่วงปี 2555 ที่มียอดขายถ่านหินในต่างประเทศอยู่ที่ 0.53 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ และการรักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้ในปี 2556 บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ยอดออเดอร์ในประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยมียอดขายในประเทศอยู่ที่ 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12.6% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายในประเทศที่ 1.2 ล้านตัน ส่งผลให้ AGE มียอดขายถ่านหินทั้งหมดในปี 2556 ที่ 2.4 ล้านตัน
“ปี 56 บริษัทฯ เน้นแผนกลยุทธ์เรื่องการลดต้นทุน และแผนทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้บริษัทฯ มียอดออเดอร์จากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ภายในประเทศประมาณ 70% และต่างประเทศประมาณ 30%” นายพนม กล่าว
ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2557 บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหินไว้ที่ระดับ 4 ล้านตัน โดยปีนี้บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน โดยการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากยอดขายทั้งหมด จากปี 2556 ที่มีสัดส่วนประมาณ 30% จากยอดขายทั้งหมด ขณะที่ในประเทศจะมีสัดส่วนรายได้ 60%
สำหรับโครงการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในปีนี้คาดว่าจะมี 2 แห่ง โดยแห่งแรก บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เข้าไปซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท เอ เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ในสัดส่วน 90% เพื่อผลิต และจำหน่ากระแสไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 2 เมกะวัตต์ และก๊าซชีวภาพขนาด 1 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย ใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 170 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 และคาดว่าสามารถสร้างรายได้ประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี ส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด จะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่จัดตั้งใหม่ ถือหุ้นในสัดส่วน 70% ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าชีวมวล โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทโคเจนเนอเรชัน ขนาด 9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิจิตร ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท