หุ้นภาคบ่ายคึกคัก แรงซื้อบิ๊กแคปหนุนดัชนีเด้งแรงเกือบ 20 จุด ปรับไปยืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้สำเร็จ ขานรับ ศก.ปี 56 ออกมาดีไม่ติดลบตามที่คาดไว้ แถมมีอานิสงส์บาทแข็ง และหุ้นต่างประเทศเด้งรับ ศก.สหรัฐฯ-ยุโรป สดใส แต่ในระยะกลางตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากการหั่นจีดีพีในปี 57 และปัญหาทางการเมืองที่ยังไร้ทางออก
ภาวะตลาดหุ้นภาคบ่าย (17 ก.พ.) บรรยากาศเก็งกำไรคึกคัก แรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่หนุนดัชนีปรับขึ้นเกือบ 20 จุด ส่งผลให้ดัชนีทะลุไปยืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้สำเร็จ โดยเมื่อเวลา 16.18 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,331.53 จุด เพิ่มขึ้น 19.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.50% มูลค่าการซื้อขาย 31,950.93 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ยอมรับว่าตลาดช่วงบ่ายปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากโมเมนตัมในการประกาศตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2556 ที่ออกมาดี ไม่ติดลบตามที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมองแนวต้านในวันนี้ที่ระดับ 1,330 จุด สำหรับระยะกลางคาดว่าดัชนีจะยังจะถูกกดดันจากการลดประมาณการจีดีพีในปี 2557 ซึ่งเป็นผลจากประเด็นการเมืองยังยืดเยื้อ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยก็ได้แรงหนุนจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น เคลื่อนไหวที่ระดับ 32.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และดัชนีได้ทะลุระดับสูงสุดเดิมที่ 1,320 จุดขึ้นไปได้ ทำให้ตลาดมีสัญญาณเป็นบวก แต่ยังต้องติดตามปัจจัยการเมืองต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า ไตรมาส 4/56 เศรษฐกิจไทยโตเพียง 0.6% และทั้งปี 2556 เติบโตแค่ 2.9% พร้อมหั่นคาดการณ์จีดีพีทั้งปี 57 เหลือโต 3-4% จากเดิมที่คาดโต 4-5% เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังอ่อนแอ หลังแผนการลงทุนของภาครัฐ-เอกชนล่าช้า และการบริโภคภายในประเทศอ่อนแอตัวต่อเนื่อง
ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เด้งขึ้นแรงเป็นการปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า หลังจากตัวเลขจีดีพีของยูโรโซน งวดไตรมาส 4/56 ออกมาดีกว่าคาด และความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ งวดเดือน ก.พ. ออกมาดีกว่าคาด โดยอยู่ที่ 81.2 จากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 80
ล่าสุด ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,332.37 จุด เพิ่มขึ้น 20.50 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.56% มูลค่าการซื้อขาย 36,892.36 ล้านบาท ด้านสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 2,713.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 209.59 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 401.81 ล้านบาท นักลงทุนภายในประเทศ ขายสุทธิ 2,521.71 ล้านบาท
