หุ้นผันผวนก่อนปิดบวก 3 จุด ดัชนียังไม่หลุดระดับ 1,280 จุด โบรกฯ เผยดัชนีปรับตัวลงแดนลบในช่วงบ่าย นักลงทุนตื่นข่าวศาลอนุมัติหมายจับ 19 แกนนำผู้ชุมนุม อาจส่งผลให้การเมืองตึงเครียด ขณะที่มีแรงเก็งกำไรกลุ่มแบงก์เข้ามาหนุนดัชนีปิดในแดนบวกสำเร็จ
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ก.พ.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,280.25 จุด เพิ่มขึ้น 3.41 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.27% มูลค่าการซื้อขาย 24,226.08 ล้านบาท โดยภาพรวมวันนี้ดัชนีภาคเช้ายืนในแดนบวกได้ตลอด แต่ในช่วงบ่ายดัชนีแกว่งตัวผันผวนลงในแดนลบ หลังมีข่าวศาลอนุมัติหมายจับ 19 แกนนำผู้ชุมนุม แต่มีแรงซื้อเก็งกำไรกลุ่มแบงก์หนุนดัชนีปรับขึ้นในแดนบวก และไม่หลุดระดับ 1,280 จุด
ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนแยกตามประเภทมีดังนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,318.26 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 1,828.21 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 1,020.82 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 469.22 ล้านบาท
น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผอ.อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยสามารถฟื้นตัวทางเทคนิค (รีบาวนด์) ได้ในช่วงเช้า ตามตลาดภูมิภาค แต่ช่วงบ่ายอ่อนตัวลง หลังนักลงทุนกังวลกรณีที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 19 แกนนำ กปปส.ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงขายทำกำไรออกมา
ขณะที่แนวโน้มดัชนีวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) ยังแกว่งตัวผันผวน ซึ่งต้องติดตามว่าในช่วงเช้าศาลแพ่งพิจารณาการเพิกถอนการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากมีการเพิกถอนอาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นไปอยู่ที่ 1,290 จุด และมีแนวรับที่ 1,270 จุด
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ เพราะยังเป็นปัจจัยที่กดดันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อไป โดยเฉพาะกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจจะมีการพิจารณาเลื่อนการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ถูกเลื่อนมาจากเดิมกำหนดไว้ที่ 23 ก.พ. นี้ รวมถึงการจัดการเลือกตั้งอย่างไรในเขตที่ไม่การเลือกตั้งทั้ง 28 เขต
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯ รีบาวนด์ตั้งแต่เปิดตลาดฯ ตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเกี่ยวกับคำสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานดีกว่าที่คาดไว้ แต่ระหว่างวันดัชนีฯ ก็แกว่งตัวเพราะนักลงทุนหวั่นการเมืองภายในประเทศ จากกรณีที่ทางรัฐบาลออกหมายจับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ซึ่งหากรัฐบาลใช้กำลังในการออกหมายจับอาจจะทำให้สถานการณ์เกิดเหตุรุนแรงได้
โดยแนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดเช่นเดียวกับวันนี้ และระหว่างวันมีโอกาสผันผวนได้ ตามความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศซึ่งส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรจนกดดันการปรับตัวขึ้นของดัชนีฯ
ทั้งนี้ นักลงทุนต้องติดตามการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคบริการ และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ในคืนนี้ เพราะตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวบ่งชี้การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ หากออกมาดี ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีนโยบายลดจำนวนเงินอัดฉีดอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ขายลดพอร์ตแล้วถือด้วยเงินสด และสำหรับนักลงทุนระยะสั้นให้เทรดในกรอบดัชนี 1,265-1,290 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,840.98 ล้านบาท ปิดที่ 7.15 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,262.09 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,098.65 ล้านบาท ปิดที่ 211.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
AOT มูลค่าการซื้อขาย 878.76 ล้านบาท ปิดที่ 173.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 734.95 ล้านบาท ปิดที่ 16.80 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง