เผยมติ 7 องค์กรภาคเอกชน ขอเป็นตัวกลางปฏิรูปการเมือง หลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ห่วงความขัดแย้งฝังรากลึกนำไปสู่ความแตกแยก “ไพบูลย์” ชี้ตลาดหุ้นไม่ขานรับ “ยุบสภา” เพราะความขัดแย้งในสังคมยังคงมีอยู่ “ธวัชชัย” แนะอย่ามองแต่ ศก. เป็นตัวตั้ง เพราะปัญหาสำคัญของประเทศในขณะนี้ คือความแตกแยกทางสังคม ซึ่งหากคำนึงถึงแต่ปัจจัยด้าน ศก. จะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะปัญหาเหล่านี้ได้รวมผลกระทบจากสังคม และการเมืองเข้าไปด้วย
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่าง 7 องค์กรภาคเอกชน ว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจยุบสภานั้นเป็นการดำเนินการตามวิถีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชมเชยที่ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามยุติข้อขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง แต่เห็นว่าการแก้ไขปัญหาต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ยังมีความเป็นห่วงว่าการยุบสภายังไม่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างสมบูรณ์ เพราะความขัดแย้งดังกล่าวหยั่งรากลึก และได้นำไปสู่ความแตกแยกของประเทศ
ดังนั้น ภาคเอกชนจึงขอเป็นตัวกลางในการหาแนวทางการปฏิรูปตามระบอบประชาธิปไตย โดยคำนึงถึงการปฏิรูปทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันควบคู่กันไปก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง โดยเบื้องต้น อาจเชิญนักการเมืองแต่ละพรรคมาร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยทั้ง 7 องค์กรเห็นร่วมกันว่าให้ตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานแนวทางการปฏิรูป โดยร่วมกับเครือข่ายภาคีอื่นๆ ต่อไป
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า แม้จะมีการยุบสภาไปแล้วแต่สัญญาณด้านเศรษฐกิจยังไม่ปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง เพราะความขัดแย้งในสังคมยังคงมีอยู่ และยังไม่มีแนวโน้มที่ปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายโดยเร็ว ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ เพราะทุก 1-2 ปี ไทยจะมีปัญหาการเมืองเสมอ แต่ทั้งนี้ยังเชื่อว่าหลังจากนี้ตลาดหุ้นจะดีขึ้นกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ปัญหาได้รับการแก้ไขไประดับหนึ่ง และก่อนการเลือกตั้งควรมีการแก้ไขกรอบกติกา และปัญหาให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งต้องเป็นแนวทางที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า อย่ามองแต่ปัญหาเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง เพราะปัญหาสำคัญของประเทศในขณะนี้คือความแตกแยกทางสังคม ซึ่งหากคำนึงถึงแต่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะปัญหาเหล่านี้ได้รวมผลกระทบจากสังคม และการเมืองเข้าไปด้วย จึงมองว่าต้องหาแนวทางที่ไม่ทำให้คนไทยมีความคิดแตกแยกเป็น 2 ฝ่ายเช่นนี้ ส่วนปัญหาเศรษฐกิจต้องเร่งแก้ปัญหาการคอร์รัปชันเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นได้เอง
สำหรับ 7 องค์กรภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย