ผู้ว่าการ ธปท. เกาะติดสถานการณ์การเมือง หากเกิดเหตุวุ่นวาย และยืดเยื้ออาจกระทบต่อภาค ศก.จริง เพราะไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงโอกาสทองของภาคธุรกิจ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีความร้อนแรงมากขึ้น โดยมีนัการเมืองของพรรคฝ่ายค้านเริ่มเป่านกหวีดชุมนุมบนท้องถนนนั้น จะกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่ โดยยอมรับว่า ถ้าสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง มีการชุมนุม มีความวุ่นวาย และยืดเยื้อคงมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงบ้าง
“ขณะนี้ ธปท.อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์การเมืองว่าจะมีผลอย่างไรบ้างต่อตลาดเงิน ภายหลังจากสถานการณ์การเมืองได้กดดันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ให้ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ค่าเงินบาทยังค่อนข้างนิ่ง แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ทางการเมืองอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจบ้าง”
โดยภาพรวมในปีนี้ ธปท. คาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไว้ที่ 3.7% ลดลงจาก 4.2% ภายใต้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้ที่ 1% ลดลงจาก 1.1% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 2.2% ลดลงจาก 2.3% เนื่องจากมองว่า การค้า และการใช้จ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะปรับดีขึ้นมากกว่าไตรมาสอื่นๆ เนื่องจากเป็นช่วงที่การใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาล และการส่งออกน่าจะขยายตัวตามปัจจัยทางฤดูกาล
อย่างไรก็ดี การจะเติบโตระดับนี้ได้จะต้องไม่มีปัจจัยความเสี่ยงทางการเมืองเข้ามากระทบ ซึ่งทาง ธปท.ประเมินเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าปีนี้ ไม่ว่าสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชียโดยรวมน่าจะโตที่ 3.4% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 3.3%