อีสโคสท์ฯ เน้นจุดแข็งช่องทางขายที่หลากหลาย ผันตัวเป็นเทรดเดอร์ สั่ง OEM เฟอร์นิเจอร์ในประเทศ-นอกประเทศขายภายใต้แบรนด์ตัวเอง หวังดันยอดขายโต 10-15% มั่นใจการจับมือ Mega Home ช่วยผลักดันยอดขายในอนาคต ช่วยเร่งยอดรับรู้เร็วขึ้น เผยญี่ปุ่นเล็งปรับขึ้นภาษี ส่งผลผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นสั่งออเดอร์สินค้าล่วงหน้าช่วงปลายปีเพิ่ม 20% หวังรองรับภาวะชะงักงันหลังปรับขึ้นภาษี
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสโคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF กล่าวว่า ปัจจุปัน บริษัทได้เพิ่มคำสั่งผลิตชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ และเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปเข้ามาใช้ในการประกอบเฟอร์นิเจอร์ และจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบริษัทมากขึ้น เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพของช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายของบริษัทมีอยู่ในมือ โดยการสั่งผลิตชิ้นส่วนประกอบเฟอร์นิเจอร์ และการสั่งผลิตภายใต้แบรนด์ของบริษัทนั้นสามารถสเปกสินค้าได้ตามต้องการ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณสินค้าโดยมีต้นทุนที่คงที่และช่วยในเรื่องกำลังผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
“เราผันตัวเองมาเป็นเทรดเดอร์มากขึ้น โดยการสั่งผลิตชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ และเฟอริ์เจอร์สำเร็จ มาประกอบ และจำหน่ายเองมากขึ้นเพราะ สามารถสเปกสินค้า และคุมคุณภาพได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มกำลังผลิต โดยเรามีโรงงานที่รับ OEM ให้อยู่ในประเทศให้อยู่ประมาณ 4-5 ราย ขณะที่โรงงานในต่างประเทศก็ OEM ให้เรามีทั้งจาก จีน มาเลเซีย และเวียดนาม”
โดยบริษัทตั้งเป้าว่าในอนาคตจะมียอดสั่ง OEM เฟอร์นิเจอร์เข้ามาจำนวนหน่ายภายใต้แบนด์ของบริษัทเอง 30-40 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ ประมาณ 15-20 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนในปัจจุบัน จำนวนการสั่งนำเข้าเฟอร์นิเจอร์มาจำหน่ายเองยังมีสัดส่วนที่ต่ำอยู่ ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อใช้ในการเพิ่มกำลังการผลิตไปกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 10-15% แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอรองรับออเดอร์ในอนาคต
สำหรับปี 2556 นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวมเติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 10-15% โดยในปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมที่ 1,088 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิที่ 5% หรือประมาณ 35ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าการสั่ง OEM ชิ้นส่วน และเฟอร์นิเจอร์สำเร็จเข้ามาเสริม จะช่วยให้กำไรสุทธิของบริษัทขยายตัวได้สูงกว่า 7%
นายอารักษ์ กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทยังมีอัตราการขยายตัวของยอดขายเป็นไปตามประมาณการที่ 15% ไม่นับรวมรายได้จากการขายใน Mega Home และหากว่าในอนาคต Mega Home มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้บริษัทมีรายได้รับรูเพิ่มสูง และเร็วเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้คาดว่า Mega Home จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ สาขาแม่สอด และสาขาหนองคาย สวนในปีหน้าจะมีการลงทุนเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ชลบุรี ซึ่งจะทำให้มีสาขาทั้งสิ้น 4 สาขา
“ยอดขายใน Mega Home ดีมาก ดังนั้น การขยายสาขาของ Mega Home จะยิ่งส่งผลให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น และมียอดรับรู้รายได้เร็วขึ้น เนื่องจากในพื้นที่ของโซนเฟอร์นิเจอร์ของของ Mega Home พื้นที่กว่า 80% เป็นสินค้าของบริษัททั้งหมด”
ปัจจุบัน EGF มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 55% โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นลูกค้ารายใหญ่ซึ่งมีแชร์อยู่กว่า70% ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปยังประเทศ ตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา ขณะที่สัดส่วนการขายในประเทศไทยอยู่ที่ 45% ของรายได้รวม ทั้งนี้ ในปี 2557 บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จะขยายตัวจากปีนี้ค่อนข้างสูง เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีของประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ลูกค้าในญี่ปุนมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพิ่มเข้ามาจากเดิมกว่า 20% เพื่อสต๊อกสินค้าไว้รองรับช่วงตลาดชะงักหลังปรับขึ้นภาษี