“อมตะ” เตรียมแผนรับมวลน้ำจาก อ.พนัสนิคม และปริมาณฝนหากตกอย่างต่อเนื่อง จับมือ อบต.คลองตำหรุ ขุดขยายคลองเกลือ ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี ระยะทางกว่า 5 กม. เพื่อใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำสู่ทะเล และเตรียมบิ๊กแบ็ก 500 ใบ ป้องกันน้ำเข้าโรงงาน ด้านสถานการณ์น้ำในนิคมฯ ล่าสุด เส้นทางจราจรในนิคมฯ สามารถสัญจรได้ตามปกติ หลังจากระดมเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำตลอดคืนที่ผ่านมา
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า วันนี้ (18 ต.ค.) อมตะ ได้ดำเนินการตามแผนการป้องกันน้ำเพื่อเตรียมรับมวลน้ำจากอำเภอพนัสนิคม และน้ำฝนหากยังคงตกอย่างต่อเนื่อง โดยอมตะได้ร่วมกับองค์กรบริหารส่วนตำบลคลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี ขุดขยายคลองเกลือ บริเวณ ต.คลองตำหรุ เป็นระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำลงสู่ทะเล อีกทั้งยังได้จัดเตรียมบิ๊กแบ็ก จำนวน 500 ใบ สำหรับป้องกันน้ำเข้าพื้นที่โรงงาน หากมีน้ำมากในช่วงน้ำทะเลหนุนจะดำเนินการสูบน้ำออกโดยส่งข้ามประตูระบายน้ำเพื่อลงสู่ทะเลโดยตรง
“สำหรับพื้นที่ผิวการจราจรบริเวณเฟส 2-3 และ เฟส 7-9 ขณะนี้กลับสู่สภาวะปกติหลังจากที่เร่งระบายน้ำออกตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ยังคงเหลือบริเวณผิวจราจรเฟส 1 ที่ยังคงมีน้ำสูงอยู่ประมาณ 5 ซม. ระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ส่งผลให้การจราจรในนิคมสัญจรได้เป็นปกติ” นายวิบูลย์กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำ จำนวน 70 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 28 เครื่อง ถุงบิ๊กแบ็ก และกระสอบทราย ฯลฯ รวมถึงเดินหน้าให้การดูแลชุมชนโดยรอบนิคมฯ ด้วยการจัดถุงยังชีพ ประกอบด้วย ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นอีกด้วย
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า วันนี้ (18 ต.ค.) อมตะ ได้ดำเนินการตามแผนการป้องกันน้ำเพื่อเตรียมรับมวลน้ำจากอำเภอพนัสนิคม และน้ำฝนหากยังคงตกอย่างต่อเนื่อง โดยอมตะได้ร่วมกับองค์กรบริหารส่วนตำบลคลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี ขุดขยายคลองเกลือ บริเวณ ต.คลองตำหรุ เป็นระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำลงสู่ทะเล อีกทั้งยังได้จัดเตรียมบิ๊กแบ็ก จำนวน 500 ใบ สำหรับป้องกันน้ำเข้าพื้นที่โรงงาน หากมีน้ำมากในช่วงน้ำทะเลหนุนจะดำเนินการสูบน้ำออกโดยส่งข้ามประตูระบายน้ำเพื่อลงสู่ทะเลโดยตรง
“สำหรับพื้นที่ผิวการจราจรบริเวณเฟส 2-3 และ เฟส 7-9 ขณะนี้กลับสู่สภาวะปกติหลังจากที่เร่งระบายน้ำออกตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ยังคงเหลือบริเวณผิวจราจรเฟส 1 ที่ยังคงมีน้ำสูงอยู่ประมาณ 5 ซม. ระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ส่งผลให้การจราจรในนิคมสัญจรได้เป็นปกติ” นายวิบูลย์กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำ จำนวน 70 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 28 เครื่อง ถุงบิ๊กแบ็ก และกระสอบทราย ฯลฯ รวมถึงเดินหน้าให้การดูแลชุมชนโดยรอบนิคมฯ ด้วยการจัดถุงยังชีพ ประกอบด้วย ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นอีกด้วย