“กรณ์” อัด “ครม.” ปลด “อารีพงศ์” กลางอากาศ “โต้ง” อ้าทำตามคำขอ “พงศ์เทพ” เชื่อ “อดีตปลัดฯ” ต้องมีอนาคตที่ดี

“อดีตขุนคลัง” โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิ “ครม.ปู” สั่งเด้ง “อารีพงศ์” พ้นเก้าอี้ปลัดคลัง ถือเป็นการปลดกลางอากาศจริงๆ เพราะไม่ได้มีการแต่งตั้งใครขึ้นมาแทน แต่ให้มีการ “รักษาการ” ในตำแหน่งสำคัญนี้ “กิตติรัตน์” ย้ำการสั่งย้ายปลัดคลัง ไปนั่งเลขาฯ ก.พ.ร. เป็นไปตามคำขอ “พงศ์เทพ” ไม่เกี่ยวปัญหาเจ๊งโครงการ “จำนำข้าว” คงเป็นการคาดเดากันไปต่างๆ นานา ระบุชัดมีความเหมาะสมแล้ว พร้อมเชื่อ “อารีพงศ์” จะมีอนาคตราชการที่ดี

อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กซัด ครม.เด้ง “อารีพงศ์” ระบุควรมีการทบทวน และต้องมีภูมิคุ้มกันให้ข้าราชการมากกว่านี้ ด้าน “กิตติรัตน์” ยันไม่เกี่ยวการเมือง-จำนำข้าว

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Korn Chatikavanij ถึงกรณีการโยกย้าย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม จากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ว่า

นักการเมือง vs. ข้าราชการ

การปลดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่โดยนักการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่การปลดระดับ “ปลัดคลัง” นั้น ในอดีตถือเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่วันนี้กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมไม่แม้แต่ตั้งคำถามกลับทางการเมืองว่า ที่ถอดถอนข้าราชการสายเศรษฐกิจที่อาวุโสมากที่สุดนั้นกระทำด้วยเหตุผลใด

โดยเฉพาะในกรณีปลัดกระทรวงคลัง คือ คุณอารีพงศ์ นั้น เป็นการปลดกลางอากาศจริงๆ เพราะไม่ได้มีการแต่งตั้งใครขึ้นมาแทน แต่ให้มีการ “รักษาการ” ในตำแหน่งสำคัญนี้

ภาคธุรกิจเองไม่มีเสียงท้วงติงแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้กระทบต่อเขาโดยตรง

ถามว่าปลัดอารีพงศ์ ขัดขืนการนำนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสู่การปฏิบัติหรือไม่ ผมเองมองว่าท่านปลัดอาจไม่ได้ทักท้วงตักเตือนเพียงพอด้วยซํ้าไปว่า หลายๆ นโยบายจะมีความเสี่ยงอย่างใด กระทรวงคลัง มีส่วนโดยตรงกับมากนโยบาย เช่น รถคันแรกที่มีการอนุมัติเกินเป้าหมายเดิมไปเกือบ 3 เท่า การออก พ.ร.ก. กู้เงิน 350,000 ล้าน ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมใช้เงิน จำนำข้าวที่มีการกู้เงินเกินกรอบตามมติของรัฐบาลเอง การลดภาษีนิติบุคคล การเพิ่มภาษีเหล้า และการดันกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่เสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ

เอาว่าผมพบกับท่านปลัดที่สภาฯ เมื่อใด มีเรื่องให้ผมคอยตำหนิติเตือนท่านปลัดในเรื่องเกี่ยวกับงานของกระทรวงคลังทุกครั้ง

โดยรวมผมเห็นว่า กระทรวงการคลัง ก็ทำตามหน้าที่ในการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรืิองที่เสี่ยงต่อการขัดกฎหมายอย่างเช่น การลงนามสัญญากู้เงินตาม พ.ร.ก. นํ้า 350,000 ล้าน หลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้รัฐบาลดำเนินการใหม่ ทางกระทรวงคลัง ก็ทำตามความต้องการของฝ่ายการเมืองแต่โดยดี

ดังนั้น ผมเห็นว่าฝ่ายการเมืองไม่สามารถกล่าวหาท่านปลัดได้ว่าไม่สนองนโยบาย

ในเชิงลึกผมเข้าใจว่าท่านปลัดได้มีการทักท้วงภายในมาโดยตลอด แถมยังปล่อยให้ลูกน้องที่มีจิตสำนึกต่อหน้าที่ มีพื้นที่ในการทำงานตามหน้าที่ข้าราชการที่ดีได้อย่างเต็มที่ ท่านปลัดเองเป็นคนซื่อสัตย์ โตมาในสายวิชาการเป็นหลัก ไม่มีท่าทีการเอื้อประโยชน์ฝ่ายการเมืองแต่อย่างใด

การปลดท่านปลัดครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณโดยรัฐบาลนี้ ว่า การทำหน้าที่อย่างเป็นกลางนั้นไม่เพียงพอ จะต้องแสดงความเป็นพวกด้วยถึงจะอยู่รอด สังเกตว่าระยะหลังทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง จะมีแต่การวิพากษ์ว่าเป็นพวกใครสายใคร ไม่มีการพูดถึงการทำงานว่าเหมาะสมแต่อย่างใด

ผมได้พูดไว้หลายครั้งแล้วว่า บทบาทหน้าที่ของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในการยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลักจะลดลง และจะมีการหันมาดูแลประโยชน์ของฝ่ายการเมืองมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งที่ผมเห็นว่าควรมีการทบทวนคือ กระบวนการการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงโดยฝ่ายการเมือง คงไม่ต้องถึงกับทำไม่ได้ แต่ควรต้องมีภูมิคุ้มกันให้ข้าราชการมากกว่านี้ อย่างน้อยที่สุดต้องมีการให้ชี้แจงเหตุผลว่า มีการปลดในกรณีอย่างนี้เพราะอะไร

ยิ่งภาคเอกชน และสื่อเองปล่อยเรื่องอย่างนี้ผ่านไปโดยไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ผู้มีอำนาจทางการเมืองยิ่งได้ใจ

** “กิตติรัตน์” ยัน “อารีพงศ์” นั่ง ก.พ.ร. เหมาะสม

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้โอนย้าย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร) ตนเองขอยืนยันว่า การโอนย้ายดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวอย่างแน่นอน

“คงเป็นการคาดเดากันไปต่างๆ นานา ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนั้นแน่นอน ท่านปลัดอารีพงศ์ จะมีอนาคตทางราชการที่ดี”

ทั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำร้องขอของ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ที่เห็นว่า นายอารีพงศ์ เหมาะสมกับตำแหน่งเลขาฯ ก.พ.ร. เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และที่ผ่านมา ยังทำงานประสานกับระบบราชการได้ดีทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาผลงานการดำเนินงานของทางกระทรวงการคลัง ภายใต้การนำของ นายอารีพงศ์ก็ อยู่ในระดับต้นๆ ในการวัดประเมินผลประสิทธิภาพของทาง ก.พ.ร. ดังนั้น จึงไม่รู้สึกแปลกใจ ที่คำร้องขอกระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว