“ถิรไทย” แจ้งรายได้รวม 755.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 51.78% และกำไร 756 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น TRT เตรียมเฮหลังมติบอร์ดคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.11 บาท
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุงหม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาดของคนไทยเพียงแห่งเดียว เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 755.94 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 31.94 ล้านบาท และผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 1,217.91 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิรวม 68.12 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.22 บาท ในการนี้เพื่อเป็นการตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.11 บาทต่อหุ้น เป็นเงินรวม 33,867,698.70 บาท
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเป้าหมายการเติบโตตามแผนธุรกิจของบริษัท ซึ่งตั้งเป้ารายได้รวมที่ระดับ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2017 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 (TRT-W2) แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน 6 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีราคาการใช้สิทธิ 5.50 บาทต่อหุ้น อายุ 2 ปี ซึ่งจะได้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติต่อไป
โดยคาดว่าผลประกอบการในปี 2556 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจ และการลงทุนมีการขยายตัวอย่างชัดเจนทั้งภูมิภาค ASEAN คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ของทุกผลิตภัณฑ์ขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ามากกกว่า 2,300 ล้านบาทแล้ว โดยมาจากคำสั่งซื้อ และการส่งมอบงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 200 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 275 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ 268 ล้านบาท และหน่วยงานเอกชนในประเทศ 867 ล้านบาท และส่งออกอีกประมาณ 350 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ อีกประมาณ 340 ล้านบาท
นายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับงานที่มีโครงการจะเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง ในช่วง Q3-Q4 มีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงิน 500 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ 200 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวง 2,100 ล้านบาท และในส่วนของภาคเอกชนภายในประเทศอีก 2,000 ล้านบาท และส่งออกประมาณ 500 ล้านบาท และงานประมูลของบริษัทย่อย 700 ล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถชนะการประมูลงานได้มากกว่า 20-25% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะยังคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20-25% ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ตามแผนธุรกิจของบริษัท