“บริษัท สมาร์ทคอนกรีต” มั่นใจเข้าตลาด เอ็ม เอ ไอ ยันเรื่องการคัดค้านไม่กระทบบริษัท พร้อมเผยทุกข้อมูลโปร่งใส เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ 115 ล้านหุ้น เตรียมขยายงาน 6 ล้านตารางเมตร/ปี รองรับความต้องการตลาด
นายประทีป ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนการเข้าจดทะเบียนของ SMART ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรณีดังกล่าวเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคล ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด และเชื่อมั่นว่าแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ที่ได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวของกับการดำเนินงานของบริษัทครบทุกประการ
ทั้งนี้ บริษัทยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยอยู่ในขั้นตอนรอการพิจารณาไฟลิ่งของสำนักงาน ก.ล.ต.อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความพร้อมในการให้ข้อเท็จจริงทุกประการเกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทดังกล่าวที่เกิดขึ้น
“ข้อพิพาทที่มีการร้องเรียนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ในขณะนี้ เป็นข้อพิพาทระหว่างบุคคลที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในปัจจุบันของบริษัทอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทได้มีการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้อง และเกิดความโปร่งใสแก่ทุกฝ่าย” นายประทีปกล่าว
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ SMART ได้แต่งตั้ง บริษัทแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยบริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 115 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท แบ่งเป็นหุ้นใหม่จำนวน 70.45 ล้านหุ้น และหุ้นเดิมของ บริษัทชลประทีปสินทรัพย์ จำกัด จำนวน 44.55 ล้านหุ้น วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายผลิตภัณฑ์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ส่วนภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ SMART ในปัจจุบันได้เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4.5 ล้านตารางเมตรต่อปี จากเดิม 3.0 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยบริษัทได้ทำการเชื่อมไลน์การผลิตกับเครื่องจักรเดิมในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ความต้องการของตลาดในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงมากหลังจากเพิ่มกำลังการผลิตแล้ว คาดว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด การเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินมาใช้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้อยู่ที่ 6.0 ล้านตารางเมตรต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด