xs
xsm
sm
md
lg

SPCG เร่งแปลงสภาพวอร์แรนต์ ลดภาระหนี้-ปันผลก่อนกำหนด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชุมผู้ถือหุ้น SPCG มีมติเลื่อนการสภาพวอร์แรนต์เร็วขึ้น จากเดือน มี.ค.58 มาเป็น 3 ช่วงภายในปี 56 เพื่อให้สอดคล้องสถานะการเงิน เผยกิจการโตเร็วใช้หนี้ก่อนครบกำหนด เล็งจ่ายปันผลเร็วขึ้น ชี้ปี 2557 รายได้ผงาดแข็งแกร่ง 4.7 พันล้าน

น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจด้านพลังงานทดแทน เปิดเผยหลังการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2556 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยในการอนุมัติเปลี่ยนแปลงการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จำนวน 279,999,581 หน่วย จากเดิมที่กำหนดวันใช้สิทธิไว้ วันที่ 2 มี.ค.2558 มาเป็นการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่เร็วขึ้นในปี 2556 แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 25-31 ก.ค. ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 26-30 ส.ค. ช่วงที่ 3 ระหว่าง 24-30 ก.ย.ปีนี้ ซึ่งสาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากในปี 2558 เป็นช่วงเวลาที่บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแรงแล้ว ทำให้การได้รับเงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพในเดือน มี.ค.2558 จะไม่สอดคล้องกับความต้องการเงินของบริษัทในภาพรวม ดังนั้น จึงมีแผนที่จะขอปรับระยะเวลาแปลงสภาพเป็นภายในปี 2556 จำนวน 3 ครั้งแทน โดยจะนำเงินที่ได้นี้รับไปเร่งการลดหนี้สินทางการเงิน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย และมุ่งหวังที่จะจ่ายปันผลได้เร็วขึ้น โดยจะส่งผลต่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับผลกำไรเร็วกว่าเดิม และจะส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริหารในการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ

ทั้งนี้ การสนับสนุนของรัฐบาลที่ต้องการให้การผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า จะส่งผลต่อการทำโซลาร์ รูฟ (Solar roof) ในลักษณะดังนี้ 1.สิทธิประโยชน์ในลักษณะภาษี 2.สิทธิประโยชน์ในการซื้อไฟฟ้าราคาถูก 3.สิทธิประโยชน์ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน 4.ส่งผลให้ไทยได้เป็นผู้นำในอาเซียน ทั้งในส่วนของโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์ รูฟ

นอกจากนี้ รายได้ และกำไรสุทธิของบริษัทยังคงอยู่ในทิศทางการเติบโตเด่นในปี 2557 จากการรับรู้รายได้เต็มปีของโซลาร์ ฟาร์ม ทุกแห่ง ทำให้สามารถคาดการณ์การเติบโตทางรายได้มากถึง 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% ส่วนกำไรสุทธิจะก้าวกระโดดเป็น 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% ส่วนการก่อสร้าง และการขายไฟฟ้า รายงานล่าสุดของบริษัทในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา สามารถจำหน่ายในเชิงพาณิชย์เข้าระบบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพิ่มอีก 5 แห่ง มี 2 แห่งที่สร้างแล้วเสร็จรอจำหน่ายไฟฟ้า และยังมีอีก 13 แห่ง ที่กำลังเร่งพัฒนาการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ทั้งหมด

“กฟภ.มีลูกค้าอยู่ 16 ล้านครัวเรือน ซึ่งการทำการตลาดนั้นต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องมีการทำความเข้าใจในระยะหนึ่งก่อน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำได้ในช่วงต้นปีหน้า ส่วนโซลาร์ รูฟ นั้น เราใช้งบลงทุน 100-900 ล้านบาทบาท โดยคาดว่าจะมีโอกาสเติบโตเป็น 3 เท่าของโซลาร์ เซลล์” น.ส.วันดีกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น