ไทยคาร์บอนแบล็ค ขายเงินลงทุนใน “เหลียว หนิง เบอร์ล่า คาร์บอน” ทั้งหมดที่ถืออยู่เพื่อลดภาระ เหตุผลการดำเนิน
งานบริษัทย่อยนี้ตัวเลขหนี้สินสูง คาดแล้วเสร็จเดือนกันยายนนี้
นายซันจีฟ สูท ประธานกรรมการ บริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TCB แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2556 ว่า บอร์ดมีมติอนุมัติจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญที่บริษัทถืออยู่ใน บริษัท เหลียวหนิง เบอร์ล่า คาร์บอน จำกัด หรือ LBCCL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท คิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียนของ LBCCL ซึ่งการขายหุ้นดังกล่าวเป็นการจำกัดขอบเขตความเสียหายอันเกิดจากประกอบธุรกิจL BCCL และทำให้สัดส่วนหนี้สินของผู้ถือหุ้นในงบการเงินของบริษัทลดลง
โดยการจำหน่ายเงินดังกล่าว คาดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2556 และหุ้นดังกล่าวจะมี โคลัมเบียน เคมิคอลส์ (เวยฟัง) โฮลดิ้งส์ เอสเออาร์แอล เป็นผู้ซื้อ มูลค่า 169,622,000 เยน คิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียน มูลค่ารายการ 3.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้จ่ายเพื่อให้การจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยครั้งนี้สำเร็จ เนื่องจาก LBCCL มีมูลค่าของกิจการสุทธิที่ติดลบ กล่าวคือ หนี้สินรวมมากกว่าสินทรัพย์รวม การจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเป็นไปเพื่อชดเชยผู้ซื้อที่ต้องรับโอนกิจการ LBCCL ซึ่งมีหนี้สินรวมมากกว่าสินทรัพย์รวม 3
ทั้งนี้ การทำรายการนี้เข้าข่ายเป็นการจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน แต่เนื่องจากรายการดังกล่าวมีขนาดของรายการต่ำกว่า 15% จึงไม่มีเข้าข่ายตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
งานบริษัทย่อยนี้ตัวเลขหนี้สินสูง คาดแล้วเสร็จเดือนกันยายนนี้
นายซันจีฟ สูท ประธานกรรมการ บริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TCB แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2556 ว่า บอร์ดมีมติอนุมัติจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญที่บริษัทถืออยู่ใน บริษัท เหลียวหนิง เบอร์ล่า คาร์บอน จำกัด หรือ LBCCL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท คิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียนของ LBCCL ซึ่งการขายหุ้นดังกล่าวเป็นการจำกัดขอบเขตความเสียหายอันเกิดจากประกอบธุรกิจL BCCL และทำให้สัดส่วนหนี้สินของผู้ถือหุ้นในงบการเงินของบริษัทลดลง
โดยการจำหน่ายเงินดังกล่าว คาดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2556 และหุ้นดังกล่าวจะมี โคลัมเบียน เคมิคอลส์ (เวยฟัง) โฮลดิ้งส์ เอสเออาร์แอล เป็นผู้ซื้อ มูลค่า 169,622,000 เยน คิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียน มูลค่ารายการ 3.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้จ่ายเพื่อให้การจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยครั้งนี้สำเร็จ เนื่องจาก LBCCL มีมูลค่าของกิจการสุทธิที่ติดลบ กล่าวคือ หนี้สินรวมมากกว่าสินทรัพย์รวม การจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเป็นไปเพื่อชดเชยผู้ซื้อที่ต้องรับโอนกิจการ LBCCL ซึ่งมีหนี้สินรวมมากกว่าสินทรัพย์รวม 3
ทั้งนี้ การทำรายการนี้เข้าข่ายเป็นการจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน แต่เนื่องจากรายการดังกล่าวมีขนาดของรายการต่ำกว่า 15% จึงไม่มีเข้าข่ายตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
