xs
xsm
sm
md
lg

ดัน “สำเพ็ง 2” เข้าตลาดหุ้น ยื่นไฟลิ่ง พ.ค.ปีหน้า คาดระดมทุน 3-4 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เจ.เอส.พี.” เตรียมดันโครงการ “สำเพ็ง 2” เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 57 คาดยื่นไฟลิ่งช่วงเดือน พ.ค.ปีหน้า หวังระดมทุน 3-4 พันล้าน เผยหลังเข้าตลาดแล้วยังคงถือหุ้นใหญ่ 50% มั่นใจเป็นแหล่งระดมเม็ดเงินต้นทุนต่ำที่มีศักยภาพ

นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการ “สำเพ็ง 2” เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อระดมทุนประมาณ 3-4 พันล้านบาท สำหรับก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต โดยปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ให้ครบถ้วน

ทั้งนี้ คาดว่าจะยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ได้ในช่วงเดือน พ.ค. ปี 2557 นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมช่องทางระดมทุนด้านอื่นๆ ไว้รองรับหากบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้ออำนวย โดยมีการศึกษาแผนการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีความสามารถในการกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 1 เท่า

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1.5 พันล้านบาท มีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 500 ล้านบาท รวมเป็น 2 พันล้านบาท โดยหลังการเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตนจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนเกิน 50% สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทมีการเติบโตของรายได้ประมาณ 10-15% ต่อปี

โดยปี 2556 คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท แต่ในปี 2557 คาดว่ารายได้จะโตเป็น 4 พันล้านบาท และเพิ่มเป็น 6 พันล้านบาทในปี 2558 จากยอดขายของโครงการสำเพ็ง 2 ซึ่งเป็นศูนย์การค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 140 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 8 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน สามารถปิดการขายได้ทั้งหมดแล้ว แบ่งเป็นอาคารพาณิชย์ในส่วนสำเพ็ง 2 จำนวน 509 ยูนิต มูลค่า 4.5 พันล้านบาท และส่วนของสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ จำนวน 414 ยูนิต มูลค่า 3.5 พันล้านบาท

“บริษัทสนใจเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะจะทำให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการลดลง สามารถแข่งขันได้ และทำให้ระบบการดำเนินธุรกิจมีความเป็นสากลมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะไม่มีปัญหาสภาพคล่อง เพราะว่ามีธนาคารพาณิชย์พร้อมให้การสนับสนุนวงเงินกู้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากการเข้าตลาดแล้ว การออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่บริษัทสนใจ”

นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมีจุดเด่นของบริษัท คือ การทำตลาดเฉพาะกลุ่ม ไม่เน้นพัฒนาในส่วนที่มีการแข่งขันรุนแรง ทำให้บริษัทไม่กังวลกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว เพราะกลุ่มลูกค้าของบริษัทมีกำลังซื้อ เห็นได้จากโครงการสำเพ็ง 2 ที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าจากเยาวราช สำเพ็ง ซื้อด้วยเงินสดมากกว่าการกู้จากธนาคาร ดังนั้น จึงไม่ได้กังวลว่าจะเกิดฟองสบู่ เพราะตลาดของบริษัทจะเน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ

สำหรับโครงการลงทุนในอนาคตของบริษัท มี 3 โครงการ คือ 1.โครงการสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ บนทำเลถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ 2.โครงการ เดอะไมอามี่ จำนวน 120 ไร่ ทำเลถนนสุขุมวิทสายเก่า หรือบางปู ซึ่งมีแผนจะพัฒนาโครงการเป็นอาคารพาณิชย์, คอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์ และไลฟ์สไตล์ มอลล์ มูลค่าโครงการ 4.2 พันล้านบาท โดยโครงการ เดอะ ไมอามี่ จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นที่พักตากอากาศติดทะเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด 3.โครงการอ้อมน้อยสแควร์ (แยกพุทธสาคร) ทำเลพุทธมณฑลสาย 4 ประกอบด้วย อาคารพาณิชย์ 142 ยูนิต และคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 5 อาคาร จำนวน 812 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการไว้อีกหลายทำเล ที่อยู่ในระหว่างออกแบบโครงการ เช่น ที่ดินทำเลติดถนนสุขุมวิทสายเก่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ติดสถานีสายลวด จำนวน 18 ไร่ และยังมีที่ดินแปลงใหญ่ติดชายทะเล จังหวัดภูเก็ต อีกกว่า 80 ไร่ ขณะเดียวกัน ก็มีแผนที่จะขึ้นโครงการตามหัวเมืองใหญ่ เช่น อุดรธานี และขอนแก่น ซึ่งมองว่าเป็นทำเลที่จะได้รับผลดีจากการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2558
กำลังโหลดความคิดเห็น