โบรกฯ ประเมินเม็ดเงินในพอร์ต “ต่างชาติ” ยังเหลืออีก 2.1 หมื่นล้าน พร้อมเทขายได้อีกหากเกิดสถานการณ์ล้างพอร์ตเพื่อโกยกำไรกลับบ้าน คาดแนวรับต่อไปที่ 1,320 จุด แนะจับตา “ฟอสเซล” เริ่มมีให้เห็นแล้ว หากดัชนียังร่วงแรงอีกยอดบังคับขายอาจพุ่ง
นายพิชัย เลิศสุพงษ์กิจ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัทหลักทรพัย์ (บล.) ธนชาต ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรง และต่อเนื่อตลอดช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยคาดแนวรับต่อไปจะอยู่ที่ 1,320 จุด
ส่วนการปรับลงหนักของตลาดหุ้นไทย เป็นไปในทิศทางเดียวกับการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก ถือเป็นการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ในระดับโลก เพื่อโยกเงินกลับสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการเงินดอลลาร์มีสูง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดขนาดวงเงินซื้อคืนพันธบัตร (คิวอี) เร็วกว่าที่ตลาดได้คาดกันเอาไว้
ความกังวลดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินกลับสหรัฐฯ และทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่หุ้นในตลาดเกิดใหม่ปรับตัวดลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ทั้งประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ถูกขายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่่งที่น่ากังวลในช่วงต่อไป คือ การบังคับขาย (ฟอสเซล) ซึ่งเริ่มเห็นบ้างแล้ว ถ้าตลาดหุ้นไทยลงแรง และเร็วต่อไปอีกก็จะทำให้การบังคับขายมีมากขึ้น
ด้านนายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงหนักกว่าคาด ซึ่งมาจากแรงขายต่างชาติที่ยังคงมีอยู่ จากสถิติพบว่าเงินลงทุนที่เป็นซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ ม.ค.55 ถึง 12 มิ.ย.56 มีหุ้นที่เหลือในพอร์ตประมาณ 21,000 ล้านบาท เป็นกรอบที่ให้ต่างชาติมีโอกาสขายต่อไป แต่ไม่คิดว่าจะขายหมด ซึ่งทำให้ในระยะสั้นยังคงต้องจับตาเรื่องแรงขายต่างชาติอยู่
ทั้งนี้ เรื่องความแรงของเปิดตลาดต้องบอกว่าเกินคาด ไม่คิดว่าจะถล่มขนาดนี้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องวิตกกังวลของนักลงทุนบางกลุ่มในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน คือ อาจเป็นแรงขายของต่างชาติที่มีอยู่เหมือนวันอื่นๆ แต่อาจจะกลุ่มอื่นด้วยที่ผสมแรงขาย
โดยเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,354.35 จุด ลดลง 79.12 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -5.52% มูลค่าการซื้อขาย 38,308.49 ล้านบาท