นายแบงก์หวั่นต้นทุนกู้เงินสูงขึ้นหากมูดี้ส์ลดเครดิตไทย เนื่องจากต่างประเทศมองว่า ไทยจะมีความเสี่ยงด้านเสถียรภาพด้านงบประมาณของประเทศมากขึ้น ดังนั้น จะคิดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มตามไปด้วย
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่สถาบันจัดอันดับความเน่าเชื่อระหว่างประเทศ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย จากระดับ Baa1 แนวโน้มมีเสถียรภาพ เนื่องจากปัญหาการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว โดยยอมรับว่าอาจจะกระทบทำให้ต้นทุนการกู้เงิน การระดมทุน ของภาครัฐ และเอกชนไทยเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต่างประเทศมองว่า ไทยจะมีความเสี่ยงด้านเสถียรภาพด้านงบประมาณของประเทศมากขึ้น ดังนั้น จะคิดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มตามไปด้วย
ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ หลังจาก กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยลงตาม เนื่องจากทุกธนาคารกำลังพิจารณาปัจจัยที่เข้ามากระทบ ทั้งความต้องการด้านสินเชื่อที่ยังขยายตัวสูง การลงทุนในโครงการภาครัฐ และเอกชน การแข่งขันในการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อย่างเข้มข้น ข่าวที่มูดี้ส์เตรียมลดเครดิตประเทศไทย รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะหยุดมาตรการคิวอีเร็วกว่าที่กำหนด ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนลดอัตราดอกเบี้ยลงตาม
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป น่าจะทรงตัว และมีแนวโน้มปรับลดลง หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 1 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.3 เติบโตต่ำกว่าที่คาด โดยจะต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 2, 3 ทิศทางการส่งออกและการบริโภคว่าจะดีขึ้นหรือไม่ รวมทั้งโครงการลงทุนการให้บริการ 3 จี ทีวีดิจิตอล ซึ่งจะเป็นโครงการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายวศิน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง แรงงานขาดแคลน และมีต้นทุนสูง หลายจังหวัดมีการขยายตัวของชุมชนเมือง และประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยใช้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วย เพื่อให้มีการเชื่อมต่อธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงตลาดใหม่ๆ โดยในปี 2555 การทำธุรกรรมโดยใช้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มีปริมาณถึง 20.4 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพม์มือถือ เพิ่มจาก 4 แสนล้านบาท เป็น 1.4 ล้านล้านบาท และคาดว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะขยายตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 80-90 ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 35 ดังนั้น ทางธนาคารจะเน้นการทำธุรกรรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 20