หากจำกันได้ เราได้เคยคุยกันไปเกี่ยวกับกองทุน SPDR กับราคาทองคำไปแล้วว่า การซื้อขาย
ของกองทุนนี้ส่งผลเชิงจิตวิทยาต่อการลงทุนในตลาดทองคำ ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการปรับ
ตัวขึ้นหรือลงของราคาทองคำ แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา การการซื้อขายของกองทุน SPDR กลับเป็นตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลต่อทิศทางของราคาทองคำ ครั้งนี้จึงอยากนำเสนอประเด็นของกองทุนนี้อีกครั้ง
ก่อนอื่นของเกริ่นถึงกองทุน SPDR คร่าวๆว่า กองทุน SPDR เป็นกองทุน ETF ที่มีขนาดใหญ่ที่
สุดในโลก โดยนักลงทุนสามารถเข้าทำการซื้อขายได้ถึง 4 แห่งด้วยกัน คือ สหรัฐฯ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
และฮ่องกง ได้เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2547 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างผล
ตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการลงทุนทองคำแท่ง โดยเทียบกับราคาทองคำแท่งในตลาดลอนดอน
London Gold PM Fixing Price ดังนั้นการซื้อหรือขายของกองทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นจากคำ
สั่งซื้อหรือขายของบรรดากองทุนที่มีมุมมองต่อตลาดทองคำ(ซึ่งบางครั้งมุมมองของกองทุน
เหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป) กองทุนที่กล่าวถึงที่เป็นที่รู้จักเช่น กองทุนของ จอร์จ โซรอส
และกองทุนของ Paulson เป็นต้น
โดยในปีที่แล้วปริมาณการซื้อทองคำ 213.70 ตัน ขณะที่ปริมาณการขายเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของ
ปริมาณซื้อเท่านั้น โดยทั้งปีได้มีการซื้อสุทธิ 96.25 ตัน อย่างไรก็ตามในปีนี้ พบว่าปริมาณซื้อ
ทองคำของกองทุนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณการขายทองคำ ทำให้ตั้งแต่เดือนมกราคม
เป็นต้นมา ทางกองทุนได้กลายเป็นผู้ขายทองคำสุทธิมาโดยตลอด นอกจากนี้ในเดือนเมษายนที่
ราคาทองคำได้ตกลงไปต่ำสุดที่ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์นั้น ทางกองทุน SPDR ไม่ได้มีการซื้อ
ทองคำเข้ามในเดือนนั้นเลย และได้มีการขายทองคำสูงถึง 142.72 ตัน ซึ่งเพียงแค่เดือนเดียวก็มี
ปริมาณการขายสูงกว่าปริมาณการขายทองคำทั้งปีของปีที่แล้ว โดยล่าสุด กองทุน SPDR ได้ลด
การถือครองทองคำในปีนี้ลงถึง 337.16 ตัน
สิ่งหนึ่งที่สะท้อนออกมาจากการซื้อหรือขายของกองทุน SPDR นั่นก็คือ มุมมองของกองทุน
ใหญ่ๆ ทำให้ข้อมูลการซื้อขายดังกล่าว จะสามารถพอที่จะบอกถึงความคิดของกองทุนใหญ่ที่มี
ต่อตลาดทองคำได้บ้าง(ไม่เกี่ยวกับมองถูกหรือผิด) ซึ่งนักลงทุนอาจจะหยิบมาใช้ประกอบการ
ลงทุน(แต่ไม่ควรให้ความสำคัญที่สุด) ควบคู่ไปกับปัจจัยพื้นฐานในช่วงนั้นๆ