“ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร” เผย MFEC ผ่าตัดการบริหารองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อขึ้นสู่เป้าหมายเป็นบริษัทฯ ที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 15% หรือโตเท่าตัวทุก 5 ปี เพื่อสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว มั่นใจผู้ถือหุ้น-แฟนคลับแฮปปี้ เพราะ MFEC จะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกปี คุยผลงาน Q1/56 เป็นไตรมาสแรกที่พิสูจน์ความสำเร็จของความเปลี่ยนแปลงนี้
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา พัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เปิดเผยว่า MFEC ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการภายในองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อขึ้นสู่เป้าหมายเป็นบริษัทฯ ที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 15% หรือเติบโตขึ้น 100% ในทุกๆ 5 ปี เพื่อสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเรื่องแรกที่ MFEC ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ การวางแผนสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพรองรับการเติบโตในระยะยาว และการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
“เราเห็นว่าการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพป้อนให้แก่องค์กรอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องจำเป็นที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมไอที เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจำเป็นต้องมีคนใหม่เข้ามารับงานที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างงานให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ดังนั้น MFEC จึงเร่งพัฒนาบุคลากรอย่างเร่งด่วน โดยใช้วิธีที่แตกต่างที่สามารถคัดเลือกบุคลากรที่ตรงกับความต้องการได้โดยตรง แต่มีค่าใช้จ่ายลดลงหลายเท่าตัว ด้วยการร่างหลักสูตรการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ทำให้สามารถสร้างบุคลากรที่ตรงกับความต้องการได้ทันที ซึ่งเราได้เริ่มทำอย่างจริงจังแล้วตั้งแต่ 1-2 ปีที่ผ่านมา”
นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า การสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพของ MFEC เริ่มที่เข้าไปร่วมมือกับสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาในส่วนภูมิภาค ในนามของ MFEC GROUP ภายใต้โครงการสหกิจศึกษา โดยทาง MFEC GROUP และสถาบันการศึกษาได้ร่างหลักสูตรร่วมกัน และให้นักศึกษาในปีที่ 3 และ 4 ได้เข้ามาเรียน และฝึกงานกับ MFEC GROUP ถือเป็นการสร้างบุคลากรที่ตรงกับงาน และสามารถคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณสมบัติที่ต้องการเข้าร่วมงานกับบริษัทฯ ได้ทันที การผลิตคนใหม่เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่จึงเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่การบริหารภายใน MFEC ได้จัดโครงสร้างใหม่รองรับบุคลากรใหม่ที่เพิ่มขึ้น และสนับสนุนผู้อาวุโสมากประสบการณ์ในองค์กรให้ไปบริหารบริษัทย่อยที่ MFEC จะเข้าไปร่วมถือหุ้น และสนับสนุนให้สร้างงานต่อยอดจากงานของ MFEC ต่อไป ซึ่งผลที่ได้รับคือ MFEC จะมีบุคลากรรุ่นใหม่ที่เข้ามาพัฒนาผลงานรองรับเทคโนโลยีใหม่ ในขณะที่คนเก่าจะได้เป็นผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารบริษัทใหม่ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของ MFEC ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว จากผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2556 ที่ผ่านมา จะเห็นว่า MFEC มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่น มีกำไรสุทธิเติบโตถึงร้อยละ 455 จากกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2555 มาเป็น 72 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2556 และมีงานในมือ (Backlog) สูงถึง 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากที่มีบุคลากรคุณภาพเพียงพอต่อการรับงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องได้
เขากล่าวอีกว่า การบริหารจัดการในรูปแบบใหม่จะทำให้ MFEC ปรับจากบริษัทฯ ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง แต่ขาดการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว ทำให้ไม่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ มาเป็นบริษัทที่มีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ ปันผลอย่างต่อเนื่อง และมีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนถึง 100% ในทุกรอบ 5 ปี ซึ่งเชื่อว่าทั้งผู้ถือหุ้นและนักลงทุนระยะยาวที่เป็นแฟนคลับของ MFEC จะพอใจกับนโยบายดังกล่าว จะเห็นได้จากปัจจุบันราคาหุ้นของ MFEC ได้ปรับเพิ่มขึ้นสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงอย่างต่อเนื่องแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน ได้แนะนำซื้อหุ้น MFEC โดยให้มูลค่าเหมาะสมใหม่ 11.70 บาท และเปลี่ยนจาก “หุ้นปันผลสูง” เป็น “หุ้นเติบโตยั่งยืน” โดยได้เพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐาน MFEC โดยเห็นว่าบริษัทฯ มีโอกาสเติบโตตามภาคโทรคมนาคม และต่อยอดบริการที่มีมูลค่าเพิ่มประเภท ICT Solution ประกอบกับเริ่มเห็นผลบวกของการปรับปรุง และพัฒนาองค์กรต่อฐานค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มชะลอลง จึงมองว่ากลยุทธ์เน้นสร้างรายได้ประจำ และคุมค่าใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะผลักดันกำไรเติบโตดีกว่ามุมมองเดิม จึงปรับเพิ่มประมาณการปี 2556-2557 จากเดิมเฉลี่ยต่อปี 33% และประเมินมูลค่าเหมาะสมใหม่ 11.70 บาท
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา พัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เปิดเผยว่า MFEC ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการภายในองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อขึ้นสู่เป้าหมายเป็นบริษัทฯ ที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 15% หรือเติบโตขึ้น 100% ในทุกๆ 5 ปี เพื่อสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเรื่องแรกที่ MFEC ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ การวางแผนสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพรองรับการเติบโตในระยะยาว และการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
“เราเห็นว่าการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพป้อนให้แก่องค์กรอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องจำเป็นที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมไอที เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจำเป็นต้องมีคนใหม่เข้ามารับงานที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างงานให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ดังนั้น MFEC จึงเร่งพัฒนาบุคลากรอย่างเร่งด่วน โดยใช้วิธีที่แตกต่างที่สามารถคัดเลือกบุคลากรที่ตรงกับความต้องการได้โดยตรง แต่มีค่าใช้จ่ายลดลงหลายเท่าตัว ด้วยการร่างหลักสูตรการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ทำให้สามารถสร้างบุคลากรที่ตรงกับความต้องการได้ทันที ซึ่งเราได้เริ่มทำอย่างจริงจังแล้วตั้งแต่ 1-2 ปีที่ผ่านมา”
นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า การสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพของ MFEC เริ่มที่เข้าไปร่วมมือกับสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาในส่วนภูมิภาค ในนามของ MFEC GROUP ภายใต้โครงการสหกิจศึกษา โดยทาง MFEC GROUP และสถาบันการศึกษาได้ร่างหลักสูตรร่วมกัน และให้นักศึกษาในปีที่ 3 และ 4 ได้เข้ามาเรียน และฝึกงานกับ MFEC GROUP ถือเป็นการสร้างบุคลากรที่ตรงกับงาน และสามารถคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณสมบัติที่ต้องการเข้าร่วมงานกับบริษัทฯ ได้ทันที การผลิตคนใหม่เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่จึงเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่การบริหารภายใน MFEC ได้จัดโครงสร้างใหม่รองรับบุคลากรใหม่ที่เพิ่มขึ้น และสนับสนุนผู้อาวุโสมากประสบการณ์ในองค์กรให้ไปบริหารบริษัทย่อยที่ MFEC จะเข้าไปร่วมถือหุ้น และสนับสนุนให้สร้างงานต่อยอดจากงานของ MFEC ต่อไป ซึ่งผลที่ได้รับคือ MFEC จะมีบุคลากรรุ่นใหม่ที่เข้ามาพัฒนาผลงานรองรับเทคโนโลยีใหม่ ในขณะที่คนเก่าจะได้เป็นผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารบริษัทใหม่ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของ MFEC ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว จากผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2556 ที่ผ่านมา จะเห็นว่า MFEC มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่น มีกำไรสุทธิเติบโตถึงร้อยละ 455 จากกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2555 มาเป็น 72 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2556 และมีงานในมือ (Backlog) สูงถึง 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากที่มีบุคลากรคุณภาพเพียงพอต่อการรับงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องได้
เขากล่าวอีกว่า การบริหารจัดการในรูปแบบใหม่จะทำให้ MFEC ปรับจากบริษัทฯ ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง แต่ขาดการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว ทำให้ไม่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ มาเป็นบริษัทที่มีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ ปันผลอย่างต่อเนื่อง และมีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนถึง 100% ในทุกรอบ 5 ปี ซึ่งเชื่อว่าทั้งผู้ถือหุ้นและนักลงทุนระยะยาวที่เป็นแฟนคลับของ MFEC จะพอใจกับนโยบายดังกล่าว จะเห็นได้จากปัจจุบันราคาหุ้นของ MFEC ได้ปรับเพิ่มขึ้นสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงอย่างต่อเนื่องแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน ได้แนะนำซื้อหุ้น MFEC โดยให้มูลค่าเหมาะสมใหม่ 11.70 บาท และเปลี่ยนจาก “หุ้นปันผลสูง” เป็น “หุ้นเติบโตยั่งยืน” โดยได้เพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐาน MFEC โดยเห็นว่าบริษัทฯ มีโอกาสเติบโตตามภาคโทรคมนาคม และต่อยอดบริการที่มีมูลค่าเพิ่มประเภท ICT Solution ประกอบกับเริ่มเห็นผลบวกของการปรับปรุง และพัฒนาองค์กรต่อฐานค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มชะลอลง จึงมองว่ากลยุทธ์เน้นสร้างรายได้ประจำ และคุมค่าใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะผลักดันกำไรเติบโตดีกว่ามุมมองเดิม จึงปรับเพิ่มประมาณการปี 2556-2557 จากเดิมเฉลี่ยต่อปี 33% และประเมินมูลค่าเหมาะสมใหม่ 11.70 บาท