“จรัมพร” มองตลาดหุ้นไทยชะลอความร้อนแรง และมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังนักลงทุนรายย่อยเหลือแค่ 60% เชื่อมาตรการแก้บาทแข็งไม่กระทบตลาดหุ้นรุนแรง แต่ไม่ประมาท เพราะได้มีการเตรียม “เซอร์กิต เบรกเกอร์” เอาไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในขณะนี้เข้าสู่ความสม่ำเสมอมากขึ้น ความร้อนแรงเริ่มลดลง ขณะเดียวกัน สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยก็ลดลง จากที่ก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้นไปถึง 70% แต่ปัจจุบันปรับลงมาอยู่ที่ 60%
ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน หรือตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. ปริมาณการซื้อขายเริ่มสะท้อนภาพของความเป็นจริงมากขึ้น และมองว่าจะอยู่ในระดับนี้จนไปตลอดทั้งปี จากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นไทยอาจจะเคลื่อนไหวหวือหวา ทำให้ราคา และการซื้อขายที่เกินความเห็นจริง แต่หลังจากที่ตลาดปรับตัวลดลงมาอย่างมากส่งผลให้นักลงทุนรับรู้สภาพที่แท้จริงแล้วว่า ตลาดยังมีทั้งขึ้นและลง ทำให้พฤติกรรมการซื้อขายเปลี่ยนไป ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น
สำหรับมาตรการใดๆ ที่ทางการจะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาบาทแข็งนั้น นายจรัมพร เชื่อว่า จะไม่เกิดผลกระทบรุนแรงต่อตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ดี ตลท.ก็ได้มีการเตรียมการไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยจะใช้มาตรการที่มีอยู่คือ การหยุดพักซื้อขาย 30 นาที หากมีการเปลี่ยนแปลงถึง 10% หรือมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ ที่ล่าสุดใช้กับตลาดอนุพันธ์เมื่อครั้งที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างหนัก
“ถ้าหากมีการใช้มาตรการต่างๆ เกี่ยวกับค่าเงินบาทแล้วมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็มีความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าจะไม่เป็นผลกระทบที่รุนแรงต่อตลาดหุ้น” นายจรัมพรกล่าว