ASTVผู้จัดการรายวัน - HBIRM เล็งเจาะตลาดใหม่อสังหาฯ จากกลุ่มทุนต่างชาติ เผยผู้ประกอบการจีน สิงคโปร์ มาเลเซียมีแนวโน้มรุกลงทุนอาคารชุดในไทยเพิ่ม แนะชุมชน และอาคารปรับตัวรับมือบริษัทต่างชาติ รับมือเปิด AEC เชื่อไทยยังได้เปรียบเหตุเชี่ยวชาญกฎหมายมากกว่า
นายธนันทร์เอก หวานฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชบี อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (HBIRM) กล่าวว่า ในอนาคตหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนจะให้ความสำคัญกับการจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการชุมชน และอาคารเข้ามาทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน HR บัญชี โปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งอาคารสำนักงาน อาคารพักอาศัย เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ รวมทั้งหมู่บ้านจัดสรรฯลฯ
“นักลงทุนเหล่านี้ต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาทำหน้าที่บริการหลังการขาย ดังนั้น ธุรกิจบริหารชุมชน และอาคารน่าจะมีโอกาสเติบโต และขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ เนื่องจากผู้ประกอบการชาวต่างชาติจะให้ความไว้วางใจมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปทำงานด้านการบริหาร และจัดการ”
ทั้งนี้ มั่นใจว่าธุรกิจอสังหาฯ ไทยจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจากประเทศจีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้มากขึ้น เพราะสถานการณ์ในประเทศของตนเองไม่เอื้อต่อการลงทุน เนื่องจากต้นทุนสูง และค่าแรงงานแพงกว่า โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีปัญหาด้านกฎหมายอาคารชุด เนื่องจากรัฐบาลเข้ามาควบคุมในธุรกิจนี้มากเกินไป เห็นได้จากที่ผ่านมา นักลงทุนจากจีนเริ่มทยอยเข้ามาลงทุนในบ้านเราแล้ว จึงมั่นใจได้ว่า ธุรกิจอสังหาฯ ประเภทอาคารชุดที่พัฒนาจากกลุ่มทุนต่างชาติจะเกิดขึ้นในทำเลต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวอีกจำนวนหลายหมื่นยูนิต
โดย HBIRM ได้เข้าไปบริหาร และจัดการภายในโครงการทีซีกรีน พระราม 9 ซึ่งเป็นอาคารชุดที่พัฒนาโดยบริษัท เทียนเฉินอินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) ที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารอาคารเข้าไปทำงาน ซึ่ง HBIRM ได้เข้าไปร่วมวางแผนทำงบประมาณ กำหนดกฎระเบียบ และยกร่างข้อบังคับต่างๆ ในอาคารตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งดูแลสาธารณูปโภคในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค
สำหรับปัจจัยที่จะช่วยให้บริษัทบริหารชุมชนสัญชาติไทยมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับนักลงทุนชาวต่างชาติ เพราะมีความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาคารชุด ทั้งยังต้องมีศักยภาพในการให้คำปรึกษา และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอาคารได้ ทั้งนี้ องค์กรที่จะเจาะตลาดต่างชาติจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้ นอกจากความรู้ และความเชี่ยวชาญแล้ว จะต้องมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากนักลงทุนเหล่านี้มักจะเปรียบเทียบ และให้ความไว้วางใจเลือกองค์กรที่มีภาพลักษณ์ดี
