“สมพล” มั่นใจ “ต่างชาติ” ยังไม่ทิ้งตลาดหุ้นไทย ฝากเตือน “รายย่อย” อย่าตื่นข่าวลือ

ประธาน ตลท. มั่นใจนักลงทุนต่างชาติยังซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง แม้สัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีความผันผวนสูง พร้อมฝากเตือนรายย่อยต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อหุ้น โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ส่วนข่าวลือที่เกิดขึ้นอย่าไปฟังมากนัก ด้านภาวะหุ้นไทยเปิดตลาดบวกแรงกว่า 22 จุด ดัชนีทดสอบแตะ 1,500 จุด

นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (25 มี.ค.) ซึ่งเปิดทำการเป็นวันแรกของสัปดาห์ โดยมองว่า แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติยังคงมีอยู่ เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรงนักลงทุนต่างชาติก็ยังซื้อสุทธิ

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากนี้ไป นักลงทุนรายย่อยจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อหุ้น โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ส่วนข่าวลือที่เกิดขึ้นนั้นก็อย่าไปฟังมากนัก และควรดูข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของประเทศเป็นหลักในการตัดสินใจ

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังถือว่าขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1 ปี 2556 ก็คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท หากรัฐบาลใช้งบประมาณโดยไม่คุ้มค่า หรือมีการใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ และมีการรั่วไหลของงบเกิดขึ้นก็จะเป็นปัญหาได้ในระยะยาว

ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามองต่อจากนี้ไป ได้แก่ ตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งนายสมพล ยอมรับว่า มีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้จ่ายอย่างเกินตัวของภาคประชาชน เพราะถึงแม้ว่าหนี้ภาคครัวเรือนจะไม่ทำให้ถึงขั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ก็อาจทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ตามมาได้

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า ตลาดหุ้นเช้าวันนี้รีบาวน์ขานรับปัญหาการเงินไซปรัสที่มีทางออก หลังจากมีรายงานข่าวว่าสหภาพยุโรป (อียู) และไซปรัสได้บรรลุข้อตกลงพื้นฐานเกี่ยวกับเงื่อนไขของมาตรการให้ความช่วยเหลือมูลค่า 10,000 ล้านยูโรแล้ว ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะช่วยกอบกู้วิกฤตในภาคการธนาคารของไซปรัส

ทั้งนี้ ยังประกอบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยลดลงแรงถึง 120 จุด หรือร้อยละ 7 ทำให้วันนี้ดัชนีหุ้นไทยรีบาวน์ได้ โดยหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ปรับตัวลดลงสัปดาห์ก่อนฟื้นตัว มองแนวต้าน 1,504 จุด หากยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ จะเป็นสัญญาณเชิงบวก

ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบ คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เชื่อว่าจะผ่านสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาวันที่ 28-29 มีนาคมนี้ได้

ส่วนค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ อยู่ที่ระดับ 29.22-29.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 29.29-29.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันค่าเงินยูโร

นักวิเคราะห์ประเมินว่า เงินบาทแข็งค่าตามค่าเงินยูโร น่าจะมาจากได้รับข่าวว่าทางอียูออกมาช่วยเหลือไซปรัส และมองว่า น่าจะเป็นข่าวดี ซึ่งตอนนี้ นักลงทุนยังคงติดตามเรื่องของการแก้ปัญหาไซปรัสเป็นหลัก

ทั้งนี้ เปิดตลาดเช้าดัชนีปรับขึ้นในแดนบวก โดยเมื่อเวลา 10.05 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,501.20 จุด เพิ่มขึ้น 22.23 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.50% มูลค่าการซื้อขาย 5,491.78 ล้านบาท