“กิตติรัตน์” เผยมติที่ประชุม ครม. วันนี้ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้อำนาจกระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินตราต่างประเทศ หรือเป็นเงินบาทก็ได้ “กรณ์” ชี้ การออก กม.กู้นอกงบประมาณอาจขัด รธน. ซัดทำชาติเป็นหนี้อีก 50 ปี ทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้แก่ลูกหลาน และรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารต่อ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งกระทรวงการคลังจะสามารถกู้เงินตราต่างประเทศ หรือเงินบาทเพื่อนำมาใช้ลงทุนในโครงการต่างๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ และแผนงานที่กำหนดไว้
โดยวานนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาระบุว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะกู้เงินนอกระบบงบประมาณเพื่อมาดำเนินการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เพราะเกรงว่าจะมีความไม่โปร่งใสในการเบิกจ่าย ถ้าเป็นงบประมาณปกติจะต้องมีการเสนอรายละเอียดของโครงการให้ชัดเจนก่อนได้รับอนุมัติ
ดังนั้น การออก พ.ร.บ.ดังกล่าว อาจขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า รายจ่ายของรัฐต้องออกเป็น พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทนี้ก็เป็นรายจ่ายที่ชัดเจน แต่รัฐบาลกลับไม่นำเข้าเป็นระบบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ซึ่งหากกู้มาจริง 2.2 ล้านล้านบาท คาดว่าจะต้องใช้หนี้หมดภายใน 50 ปี ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และเป็นการทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้แก่ลูกหลาน และรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานต่อ
นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล โดยมองว่า มีเรื่องผิดปกติหลายประการ เช่น การออก พ.ร.บ.เงินกู้ดังกล่าว ไม่ได้ออกมาเพื่อใช้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่มีการแบ่งจ่ายออกเป็น 7 ปี ปีละประมาณ 350,000 ล้านบาท
“เงินดังกล่าวสามารถเข้าสู่ระบบงบประมาณประจำปีได้ และการออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ ยังทำให้ขาดการตรวจสอบจากสำนักงบประมาณ และสภาพัฒน์ อีกด้วย ทำให้ยากต่อการตรวจสอบด้านความคุ้มทุน และผลประโยชน์ของประเทศ พร้อมระบุว่า โครงการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการขณะนี้ไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุนดำเนินการแต่อย่างใด”